ปวดในตับ

อาการปวดในตับเป็นอาการปวดในถุง glisson และช่องท้องที่ครอบคลุมตับ ในตัวตับตัวรับความเจ็บปวดจะขาดอยู่มีอยู่มากมายในพังผืด (เนื้อเยื่อเกี่ยวพันของแคปซูล) ดังนั้นความเจ็บปวดในตับสามารถปรากฏเฉพาะในกรณีของตับ - เพิ่มขึ้นในร่างกายและความตึงเครียดของผนังแคปซูลหรือเนื่องจากการอักเสบของถุงน้ำดีและท่อน้ำดี

[1]

สาเหตุของอาการปวดในตับ

สาเหตุการทำงานของอาการปวดในตับ: 

• พิษจากแอลกอฮอล์
• การออกกำลังกายที่มากจนเกินไป
• ความเครียดเรื้อรังหรือเฉียบพลัน
• ภาระทางโภชนาการ - การใช้ไขมันอาหารที่หนัก
• มึนเมายา

สาเหตุที่เป็นอวัยวะของอาการปวดในตับ:

• โรคตับแข็งเป็นเส้นเลือดหลักภูมิคุ้มกันหรือแอลกอฮอล์
• steatosis ของตับ (การเปลี่ยนแปลงไขมันของเซลล์ตับ)
• โรคตับอักเสบเรื้อรังหรือเฉียบพลัน
• ฝีของตับ
• ซีสต์ของตับ
• เนื้องอกที่อ่อนโยนของตับ
• Amyloidosis ของตับ
• โรคของ Wilson เป็นความเสื่อมของเอนไซม์ซึ่งเป็นการละเมิดการเผาผลาญของทองแดง
• Hyperbilirubinemia - โรค Gilbert's (โรคทางพันธุกรรม - ตับอักเสบเม็ดสี)

สาเหตุของอาการปวดในตับ ได้แก่ อาการท้องร้ายจากตับและเบาหวาน

[2], [3]

ตับทำร้ายอะไร?

โรคอื่นที่ก่อให้เกิดอาการปวดในตับอันเนื่องมาจากการระคายเคืองหรือความดันในตับ:

• ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง
• Kholangit
• โรคกระเพาะ
• ปอดบวมล่างล่างขวา
• Syndrome ลำไส้แปรปรวน

อาการปวดในตับสามารถตีความผิดพลาดได้โดยมีอาการปวดท้องทั่วไป ในกรณีนี้ความเจ็บปวดในตับสามารถเกิดจากแคลเซียมนํ้าตาล, อาการลำไส้, โรคตับอ่อน (เฉียบพลันและเรื้อรังตับอ่อนอักเสบ)

ปวดในโรคตับ

ความเจ็บปวดในโรคตับไม่ได้บ่งบอกถึงโรคของอวัยวะส่วนใหญ่มักเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยาในระบบตับและระบบทางเดินปัสสาวะโดยรวม โรคที่ได้รับการวินิจฉัยบ่อยที่สุดซึ่งมีความเจ็บปวดในภาวะ hypochondrium ที่เหมาะสมคือไวรัสตับอักเสบทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง ไม่ค่อยมีโรคปอดอักเสบและเนื้องอกในตับเนื่องจากมีความสามารถในการงอกของอวัยวะสูง ดังนั้นตับเป็นเวลานานต่อต้านโรคใด ๆ ในขณะที่ทรัพยากรของมันจะไม่หมดไป

ความเจ็บปวดในโรคตับสามารถบ่งบอกถึงโรคดังกล่าว: 

• โรคตับอักเสบที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการติดเชื้อในร่างกาย (ทางเดินอาหารปอดหัวใจ)
• ไวรัสตับอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง
• mononucleosis ติดเชื้อ (พยาธิวิทยาไวรัสที่มีผลต่อต่อมน้ำเหลือง)
• Leptospirosis (โรคติดเชื้อเฉียบพลัน)
• โรคไวรัสตับอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสเริม
• ไข้เหลือง (febris flava) เป็นโรคเลือดออกที่มีลักษณะติดเชื้อ
• ไวรัสตับอักเสบชนิด Enteroviral
• ไวรัสตับอักเสบซี cytomegalic ที่เกิดจาก cytomegalovirus
• ไวรัสตับอักเสบที่เกิดจากแบคทีเรียแกรมลบหรือแบคทีเรียแกรมบวก (cocci)
• Legionellosis เป็นรูปแบบที่รุนแรงของโรคปอดบวมที่ติดเชื้อที่มีตับ
• โรคตับอักเสบชนิด autoimmune
• โรคตับแข็งของตับของโรคต่างๆ
• Steatosis (gyro dystrophy) ย่าง
• โรคหลอดเลือดหัวใจตีบอักเสบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง
• Hemochromatosis - โรคเม็ดเลือดขาวพันธุกรรม, โรคตับแข็ง
• เนื้องอกรวมทั้งมะเร็ง
• ฝีของตับรวมทั้งต้นกำเนิดปรสิต
• DZHVP - ขับปัสสาวะของท่อน้ำดี
• โรค Gallstone
• ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง

ความเจ็บปวดในโรคตับไม่เฉพาะเจาะจงการดึงหรืออาการปวดที่คมชัดทางด้านขวาสามารถบ่งชี้ถึงโรคที่เกิดจากโหลได้ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ที่สามารถแยกแยะลักษณะอาการและวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง

ความเจ็บปวดในโรคตับแข็งของตับ

ความเจ็บปวดในโรคตับแข็งในตับเป็นลักษณะของกระบวนการที่ถูกทอดทิ้งเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับตับแข็ง โรคตับแข็งเป็นพยาธิวิทยาที่ก้าวหน้าอัตราการพัฒนาของมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่หนึ่งปีถึงหลายปีเมื่อโรคไม่แสดงออกอย่างชัดเจน การลดลงของจำนวนของ hepatocytes ที่สามารถฉกรรจ์และการเปลี่ยนเนื้อเยื่อเนื้อเยื่อโดยการเชื่อมต่อการเจริญเติบโตของเส้นใยจะทำลายการทำงานเกือบทั้งหมดของตับ แต่ไม่เจ็บจนกว่าจะมีการขยายใหญ่ขึ้น เมื่อตับ (เพิ่มขึ้นในร่างกาย) พัฒนาความล้มเหลวตับอาจมีความดันโลหิตสูงพอร์ทัลและจากนั้นอาการที่น่ากลัวเป็นครั้งแรกที่ปรากฏ การปรากฏตัวของคนโง่การวาดภาพความรู้สึกเจ็บปวดบ่งบอกถึงพยาธิวิทยาที่รุนแรงของอวัยวะ อาการปวดเรื้อรังในโรคตับแข็งของตับสามารถเกิดขึ้นได้ตามมาด้วยอาเจียนหรือคลื่นไส้ท้องมานสีเหลืองของผิวหนังและดวงตาอาการคลื่นไส้อาการอาหารไม่ย่อยไข้ ลักษณะเด่นนอกเหนือจากความเจ็บปวดคือสิ่งที่เรียกว่า "ตับ" - "ดาวฤกษ์" ที่เป็นเส้นเลือดทั่วไปรวมถึงอาการแดง (แดง) ของฝ่ามือ

ความเจ็บปวดในมะเร็งตับ

กระบวนการเกี่ยวกับเนื้องอกวิทยาในตับเช่นเดียวกับพยาธิสภาพอื่น ๆ อีกหลายชนิดของอวัยวะนี้มักพัฒนาและใช้เวลานานโดยไม่มีอาการทางคลินิกที่ชัดเจนซึ่งเป็นปัญหาที่แท้จริงสำหรับการวินิจฉัยโรคมะเร็งและพยายามรักษา เฉพาะเมื่อกระบวนการนี้มักจะกลายเป็นกลับไม่ได้ความเจ็บปวดในมะเร็งตับจะเด่นชัด นี่คือสาเหตุที่ความสามารถในการงอกของตับสูงจนทำให้คนสุดท้ายพยายามที่จะต่อสู้พยาธิวิทยาด้วยตัวเองและเมื่อทรัพยากรของมันหมดลงและเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้นอาการจะปรากฏขึ้น เนื้องอกมีความกดดันต่อโครงสร้างและอวัยวะใกล้เคียงสภาพทั่วไปของบุคคลแย่ลง ความเจ็บปวดในมะเร็งตับมักไม่รุนแรงนักโดยมักรวมกับอาการดังกล่าว: 

• ประสิทธิภาพลดลงความอ่อนล้าอ่อนเพลียเด่นชัด
• การลดลงของความอยากอาหารลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งจะทำให้น้ำหนักของร่างกายลดลงไปจนถึง cachexia
• การเปลี่ยนอุจจาระเป็นสาเหตุของอาการท้องร่วงที่เกิดจากท้องร่วง
• Ascites เป็นของเหลวในโพรงในช่องท้อง
• ความเจ็บปวดในภาวะ hypochondrium ที่เหมาะสมจะกลายเป็นเรื้อรังถาวรไม่ขึ้นกับอาหารหรือการออกกำลังกาย
• อาจมีสีเหลืองของผิวหนังและดวงตา

ความเจ็บปวดในการแพร่กระจายของมะเร็งในตับ

การแพร่กระจายความเจ็บปวดในตับมักจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการโรคมะเร็งระยะสุดท้ายในอวัยวะจำนวนมาก - ในกระเพาะอาหารในลำไส้ใหญ่หรือเต้านมปอดตับอ่อนระบบกระดูกหรือสมอง ส่วนใหญ่มักจะเจ็บปวดจากการแพร่กระจายของมะเร็งตับเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคมะเร็งของกระเพาะอาหารหรือลำไส้เช่นเดียวกับในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยโรคมะเร็งปอด ผู้ป่วยเหล่านี้ในทุกที่มีการแพร่กระจายของมะเร็งในตับมากกว่าครึ่งหนึ่ง ประมาณหนึ่งในสามของผู้ป่วยที่มีการแพร่กระจายในตับ - มีผู้ป่วยที่มีโรคมะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งผิวหนัง ความเจ็บปวดในการแพร่กระจายตับแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นในโรคมะเร็งกล่องเสียงมะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งรังไข่มะเร็งมดลูกหรือเนื้องอกของกระเพาะปัสสาวะและไต การแพร่กระจายไปยังตับมีอาการในระยะแรกเท่านั้นเมื่อกระบวนการกลายเป็นทำลายอย่างรุนแรงมากตับพัฒนามีอาการปวดทั่วไปที่มีการแพร่กระจายในตับซึ่งเป็นสิ่งที่ถาวรเรื้อรัง ตัวเองเจ็บปวดไม่เป็นเช่นนั้นข่มขู่ให้ผู้ป่วยค่อนข้างจะ aggravates ซับซ้อนโดยรวมของอาการทางพยาธิวิทยา - ไข้เกรดต่ำน้ำหนักลดอ่อนเพลียคลื่นไส้ถาวรน้ำในช่องท้อง

การเกิดโรค

กลไกการพัฒนาความปวดมีดังนี้ 

• กระบวนการทางพยาธิวิทยาในเนื้อเยื่อตับเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีอาการชัดเจน
• พัฒนาตับอักเสบ - การอักเสบของช่องท้อง
• ตับจะเริ่มมีการพัฒนาตับ
• กำแพงของ glisson capsule ยืดออกไป
• มีอาการปวด

ยิ่งกำแพงแคปซูลเหยียดมากขึ้นความรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นในภาวะ hypochondrium ด้านขวา ความเจ็บปวดในตับสามารถพัฒนาได้เนื่องจากความดันภายนอกบนแคปซูลและเยื่อหุ้มปอดจากถุงน้ำดีและท่อน้ำดีบางครั้งอาการเจ็บปวดจะเกี่ยวข้องกับไส้ติ่งอักเสบอักเสบหรือโรคประสาทระหว่างเส้นเอ็น สาเหตุของความเจ็บปวดใน hypochondrium ที่เหมาะสมมีความหลากหลายพวกเขาสามารถเป็นได้ทั้งอินทรีย์และการทำงาน

อาการปวดในตับ

ความเจ็บปวดในตับสามารถแตกต่างกันได้: ความรู้สึกหนักในภาวะ hypochondrium ด้านขวา คงที่ตลอดทั้งวัน น่าปวดหัว; ความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นเมื่อมีการออกกำลังกาย หลังจากทานอาหารไขมันอาหารทอดหรือเผ็ดแล้ว

อาการของความเจ็บปวดในตับสามารถประจักษ์ได้ดังนี้: 

• การวาดภาพความเจ็บปวดทึบทางด้านขวา (ในภาวะ hypochondrium)
• ปวดที่ด้านขวาให้อยู่ด้านหลัง
• อาการคันซึ่งสามารถรู้สึกได้ในบริเวณช่องท้องและทั่วร่างกาย
• กลิ่นเหม็นของไข่ที่เน่าเปื่อย
• ดีซ่านของผิวและดวงตา
• ความอ่อนแอทั่วไปความไม่แยแส
• อาการปวดหัว
• ปวดในกล้ามเนื้อ (ส่วนใหญ่มักอยู่ที่หลังและขา)
• ความเกลียดชัง

อาการของความเจ็บปวดในตับมีลักษณะที่พวกเขาสามารถเปลี่ยนระดับความรุนแรงขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายการเปลี่ยนแปลงของอาหาร ควรสังเกตว่าหมองคล้ำปวดที่เจ็บปวดเป็นสัญญาณของกระบวนการเฉียบพลันเช่นในหลักสูตรเรื้อรังของโรคตับเป็นกฎไม่เจ็บเลย อันตรายหลักของพยาธิสภาพของตับคือไม่มีอาการเนื่องจากไม่มีการวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงทีโรคตับอักเสบเรื้อรังอาจนำไปสู่การเสื่อมสภาพไขมันโรคตับแข็งและมะเร็งตับได้

นอกจากนี้อาการปวดในตับมักเป็นสัญญาณของโรคของอวัยวะใกล้เคียงซึ่งถุงน้ำดีซึ่งอยู่ข้างกายวิภาคศาสตร์ อาการจุกเสียดท้องน้อยอาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับพยาธิสภาพของตับและการรักษาไม่เพียงพอ (โดยส่วนใหญ่เป็นยาด้วยตัวเอง) ส่งผลให้เกิดถุงน้ำดีอักเสบที่ทำให้เกิดภาวะpęอกในกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ความเจ็บปวดจากบาดแผลหรือความเจ็บปวดเฉียบพลันด้วยความช่วยเหลือของ antispasmodics ซับซ้อนการวินิจฉัยที่แตกต่างและทำให้รุนแรงขึ้นกระบวนการอักเสบในทางเดินน้ำดี

ค่าการวินิจฉัยที่สำคัญคือการฉายรังสีของความเจ็บปวดในตับไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย บ่อยครั้งความเจ็บปวดแผ่กระจายไปในด้านหลัง, กระดูกสะบักลมด้านขวา, ด้านขวาของคอ

มักจะมีอาการปวดในตับจะมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ : อิจฉาริษยา, คลื่นไส้, อาเจียน, รสขมในปาก, burping กลิ่นปากท้องอืด (ท้องอืด) การละเมิดของเก้าอี้ - ท้องผูกหรือท้องเสีย

ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนหรือความรุนแรงของโรคหรือการมีส่วนร่วมของอวัยวะอื่นในกระบวนการทางพยาธิวิทยาอาการดังต่อไปนี้อาจเกิดขึ้นได้เช่นไข้อ่อนเพลียความเมื่อยล้าลดลงอย่างมีประสิทธิภาพความง่วงซึมอาการคันผิวหนัง อาจสังเกตอาการปวดศีรษะและเป็นลมได้อาการตกเลือดในผิวหนังความอ่อนแอและประจำเดือนผิดปกติ

อาการปวดในตับซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน: 

• คลื่นไส้อาเจียนบ่อยครั้งด้วยน้ำดี
• อาการปวดเฉียบพลันในภาวะ hypochondrium ด้านขวา
• ดีซ่านจากผิวหนังและดวงตา
• การปรากฏตัวของ telangiectasias (vascular asterisks) บนใบหน้า, หน้าอก, หน้าท้อง, หน้าอก
• Hyperthermia รวมกับอาการปวดในตับ

อาการปวดอย่างรุนแรงในตับ

สำหรับโรคตับอักเสบโดยทั่วไปแล้วอาการปวดอย่างรุนแรงในตับไม่ได้มีลักษณะเฉพาะ แต่จะเกี่ยวข้องกับอาการจุกเสียดของต่อมน้ำเหลืองเมื่อกล้ามเนื้อของถุงน้ำดีหรือท่อมีอาการกระตุกเนื่องจากการอุดตันของหิน ความเจ็บปวดดังกล่าวมีความเฉพาะเจาะจง - มันแสดงออกด้วยความพอดีทันใดนั้นเริ่มค่อยๆจางลง บ่อยครั้งก่อนเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงอาการคลื่นไส้, รู้สึกไม่สบายที่กลางหน้าอก ("ใต้ช้อน") สามารถรู้สึกได้ อาการเจ็บปวดมีการแปลที่ชัดเจนในภาวะ hypochondrium ด้านขวามักไม่ค่อยตรงกลางพวกเขาจะได้รับกับไหล่ขวาช่องว่างระหว่างช่องคลอด ความเจ็บปวดรุนแรงมากจนทำให้บุคคลสูญเสียความสามารถในการทำงานอุณหภูมิร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอาเจียนเกิดขึ้น อาการจุกเสียดสามารถกินเวลานานถึง 20-24 ชั่วโมง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในตับอาจเป็นหลักฐานของโรคมะเร็งในระยะสุดท้าย mononucleosis ติดเชื้อ อาการเจ็บปวดอาจเกิดจากการแตกของถุงน้ำดีที่มีต้นกำเนิดเป็นพาหะนำโรคฝีการโจมตีของตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยาในไตด้านขวาและไส้ติ่งอักเสบ

ตับในตับ

นี่คืออาการปวดตามปกติที่มาพร้อมกับความหลากหลายของพยาธิวิทยาอวัยวะ ควรสังเกตว่าแทบทุกการเปลี่ยนแปลงการทำงานเรื้อรังในระบบตับและระบบทางเดินปัสสาวะรวมทั้งตัวอักเสบจะไม่มีอาการ อาการปวดในตับแสดงถึงโรคที่ถูกทอดทิ้งซึ่งพัฒนามาเป็นเวลานาน อาการแรกที่ต้องให้ความสนใจเพื่อป้องกันไม่ให้การพัฒนาของโรคเป็นระยะ ๆ ที่ปรากฏความรู้สึกของความหนักเบาใน hypochondrium ขวา ความรู้สึกหนักใจอาจเกิดขึ้นได้หลังรับประทานอาหารหรืออยู่ภายใต้ความเครียดทางร่างกายหรือเป็นอิสระโดยปราศจากเหตุผลวัตถุประสงค์ ความหยิ่งยโสเมื่อเวลาผ่านไปกลายเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวการวาดภาพความเจ็บปวดที่สามารถฉายรังสีขึ้น - ใต้กระดูกสะบักในลำคอด้านหลัง ลักษณะเฉพาะของอาการปวดที่เจ็บปวดในตับคุณสมบัตินี้จะเพิ่มขึ้นโดยการแสดงออกมากเกินไปความลาดชันหรือความเครียด อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งด้วยความรู้สึกไม่สบาย, รู้สึกคลื่นไส้, ท้องอืด, อุจจาระ (ท้องผูกหรือท้องร่วง) โรคดีซ่านของผิวหนังแสดงให้เห็นถึงการโตเกินของโรคในรูปแบบเฉียบพลันซึ่งอาการปวดอย่างรุนแรงไม่ได้รับการประจักษ์เสมอ ถ้าสีเหลืองของผิวโปรตีนตาไม่ทำให้คนไปพบแพทย์และเริ่มต้นการรักษานอกเหนือจากความเจ็บปวดที่เจ็บปวดในตับจะกลายเป็นคันถาวรทั่วร่างกายความสามารถในการทำงานลดลงและความอ่อนแอพัฒนา

[4], [5], [6], [7], [8]

อาการปวดเร้าใจในตับ

ความเจ็บปวดเร้าใจในตับเป็นจังหวะของอวัยวะ synchronously กับการเต้นของหัวใจซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความไม่เพียงพอทางพยาธิวิทยาของหัวใจ tricuspid หรือ aortic valve ด้วยพัฒนาการทางพยาธิวิทยาการเต้นของหัวใจสามารถมองเห็นได้บางครั้งก็สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าตับขยายใหญ่ขึ้น นอกจากนี้อาการปวดตับในตับอาจเป็นสัญญาณของ aneurysm ของหลอดเลือดแดงตับ

ระลอกสามารถเป็นผลมาจากกระบวนการเหลวเรื้อรังในตับซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการเต้นของหัวใจโรค - การไม่เพียงพอวาล์ว tricuspid ตีบ mitral วาล์วกาวเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ หากกระบวนการชะงักงันเกิดขึ้นที่เอเทรียมด้านขวาความกดดันในหลอดเลือดดำในตับจะเพิ่มขึ้นเส้นประสาทส่วนกลางจะถูกบังคับให้ขยายออก การไหลเวียนเลือดที่ช้าลงทำให้เส้นเลือดที่อยู่ในส่วนกลางเต็มไปด้วยเลือดกระตุ้นความดันโลหิตสูงในพอร์ทัลและการขาดออกซิเจน การตายของเนื้อร้ายของ Centrobly ของเซลล์ตับจะทำให้เนื้อเยื่อเสื่อมลงสู่เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ตับเพิ่มขึ้นสามารถเคลื่อนที่ได้ pulsates อาการปวดเร้าใจในตับเกิดขึ้นพร้อมกับอาการคลื่นไส้ความรู้สึกของความหนักเบาความรู้สึกเจ็บปวดใน hypochondrium ที่เหมาะสมคล้ายกับสัญญาณของโรคตับอักเสบ โรคนี้ในการปฏิบัติทางคลินิกเรียกว่าโรคตับแข็งหัวใจซึ่งนอกเหนือจากอาการข้างต้นแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นลักษณะการรวมกันของ icterus และสีเขียวของผิว

อาการปวดเฉียบพลันในตับ

อาการปวดเฉียบพลันในตับเป็นเรื่องไม่ปกติสำหรับโรคอวัยวะส่วนใหญ่ แต่เป็นอาการหลักที่แสดงให้เห็นถึงโรคถุงน้ำดีเฉียบพลัน ถุงน้ำดีอักเสบเป็นที่ประจักษ์โดยทันทีที่มีอาการปวดคมที่แผ่กระจายออกไปทางด้านขวา ปวดสามารถรู้สึกภายใต้กระดูกสะบักด้านขวากระดูกไหปลาร้าคอและแม้ภายใต้กรามขวา อาการปวดเฉียบพลันในตับรุนแรงมากจนการเปลี่ยนท่าทางตำแหน่งไม่ช่วยบรรเทาอาการป่วย การโจมตีจะมาพร้อมกับอาการหนาวสั่น, มีไข้, คลื่นไส้, มักมีอาการอาเจียนและยังสามารถเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ ความรู้สึกเจ็บปวดเหล่านี้มักเป็นสัญญาณของกลุ่มตับซึ่งจะมีความถูกต้องมากขึ้นในการเรียก colic อาการจุกเสียดเกิดขึ้นเมื่อถุงน้ำดีเคลื่อนไปตามท่อน้ำดีที่แคบและนิ่ง โรคนี้ยังโดดเด่นด้วยอาการปวดเฉียบพลันรุนแรงในตับซึ่งรวมกับอาการปวดหัว แต่ไม่ก่อให้เกิดอาการอาเจียนและไข้ อาการท้องร้ายในช่องท้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักมักจะถูกลบโดย spasmolytic ซึ่งไม่ได้เป็นลักษณะของโรคถุงน้ำดีเฉียบพลัน

ปวดทึบในตับ

นี่คือลักษณะอาการปวดในระบบของตับและระบบทางเดินปัสสาวะ อาการปวดเฉียบพลันเป็นสิ่งหายากและเป็นสัญญาณของกระบวนการอักเสบที่ยืดเยื้อในระยะขั้ว การวาดภาพเจ็บปวดปวดตึงในตับเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าอวัยวะพยาธิวิทยาเจริญเติบโตขึ้นและยืดเส้นใยรอบ ๆ แคปซูลร่วมกับชั้นเยื่อบุช่องท้อง ใน Fascia เหล่านี้มีตัวรับความเจ็บปวดจำนวนมากอยู่ตลอดชั้นดังนั้นความเจ็บปวดส่วนใหญ่มักไม่ได้รับการแปลโดยชัดแจ้ง ควรสังเกตว่าตับเป็นอวัยวะไม่ได้ติดตั้งปลายประสาทที่เฉพาะเจาะจงส่งสัญญาณความเจ็บปวดเนื้อเยื่อตับสามารถถูกสร้างใหม่หรือเปลี่ยนทางเดินอาหารเป็นแผลเป็นไขมันเป็นเส้น ๆ ความเจ็บปวดทื่อในตับไม่ได้เป็นอาการที่เฉพาะเจาะจงมันอาจเป็นสัญญาณของความหลากหลายของโรคซึ่งเฉพาะ gastroenterologist สามารถแยกความแตกต่าง นอกจากปวดหัวปวดในโรคตับถุงน้ำดีและท่อน้ำดีอาจบ่งบอกถึงอาการอื่น ๆ - สีเหลืองของผิวและตาขาวและคลื่นไส้ขาดความกระหาย, หงุดหงิด, ความอ่อนแอ, ท้องผูกหรือท้องเสีย ในกระบวนการ tumorous ความเจ็บปวดทื่อในตับจะมาพร้อมกับ cachexia สัญญาณที่ชัดเจนของความล้มเหลวของตับและแสดงออกเฉพาะในช่วงปลายของโรค

[9]

ปวดใต้ตับ

อาการปวดตามตับนั่นคือในด้านขวาล่างของช่องท้องสามารถเป็นพยานได้ไม่เพียงเกี่ยวกับพยาธิสภาพของอวัยวะเอง แต่ยังเป็นอาการของโรคต่อไปนี้: 

• การอักเสบของภาคผนวก
• กระบวนการอักเสบในท่อไต
• โรคทางนรีเวชในสตรี (การอักเสบการตั้งครรภ์ ectopic ของส่วนต่อ)
• ถุงน้ำดีอักเสบ
• โรคของลำไส้

ปวดใต้ตับโดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉียบพลันพร้อมกับมีไข้คลื่นไส้สามารถเป็นพยานยืนยันถึงไส้ติ่งอักเสบเป็นหลัก ลักษณะอาการของริดสีดวงทวารอักเสบคือ 

• การแปลความหมายของอาการปวดที่ไม่ถูกต้องสำหรับโรคตับ
• อาการปวดไม่เปลี่ยนแปลงความรุนแรงเป็นเวลาหลายชั่วโมง
• ปวดสามารถย้ายไปยังบริเวณสะดือ

พวกเขายังอาจจะเกี่ยวข้องกับลำไส้ใหญ่ลำไส้ granulomatous (โรค Crohn) รบกวนหนอนพยาธิ, amebiasis, osteochondrosis lumbosacral, urolithiasis ในบรรดาโรคทางนรีเวชซึ่งมีความโดดเด่นด้วยความเจ็บปวดในบริเวณนี้อาจจะเรียกว่าท่อ (มดลูก) การตั้งครรภ์ซีสต์รังไข่หรือเนื้องอกหนองในเทียม, Trichomoniasis หรือ endometriosis

อาการปวดในตับหลังจากยาปฏิชีวนะ

ความเจ็บปวดในตับหลังจากที่ยาปฏิชีวนะพัฒนาเนื่องจากความจริงที่ว่ายาเสพติดถูกมองโดยร่างกายว่าเป็นสารพิษเมื่อการใช้ประโยชน์เกิดขึ้น แต่บางครั้งการปฏิสัมพันธ์ของตับกับยาก็ไม่เท่ากัน กลไกการทำให้เป็นกลางยามีดังนี้ 

1. การเปลี่ยนแปลงของยาปฏิชีวนะเกิดขึ้นด้วยความช่วยเหลือของเอนไซม์ส่งผลให้เกิดการก่อตัวของสาร - ทั้งที่ใช้งานและไม่ใช้งานมีผลต่อเนื้อเยื่อตับ ดังนั้นความเสียหายไม่ได้ทำให้ตัวผลิตภัณฑ์มี แต่ผลิตภัณฑ์ที่สลายตัว 
2. ตับพยายามที่จะต่อต้านสารเมตาบอลิโดยยึดมันกับกลูตาไธโอนและสารอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยลดความเป็นพิษและความเจ็บปวดในตับหลังจากยาปฏิชีวนะ 
3. ตับพยายามที่จะเอาการประมวลผลที่ถูกผูกไว้ metabolites ด้วยความช่วยเหลือของปัสสาวะและน้ำดี เมตาบอไลท์สามารถเปลี่ยนความสอดคล้องของน้ำดีทำให้มีความหนาแน่นและหนืด (กลุ่มอาการซบเซา) ซึ่งเป็นสาเหตุการชะงักงันความผิดปกติและการอักเสบ

ความเจ็บปวดในตับหลังจากที่ยาปฏิชีวนะได้รับการพัฒนาเนื่องจากโรคไวรัสตับอักเสบเฉียบพลันซึ่งเกิดขึ้น 5-7 วันหลังจากเริ่มใช้ยาปฏิชีวนะ ความเสี่ยงของโรคตับอักเสบที่เกิดจากยาเสพติดคือความคล้ายคลึงกับโรคตับอักเสบเฉียบพลันแบบดั้งเดิม สัญญาณเกือบจะเหมือนกัน - ความเป็นสีเหลืองของผิว, คลื่นไส้, เซื่องซึมปวดอ่อนแอใน hypochondrium ขวาปัสสาวะสีเข้มเปลี่ยนสี เมื่อยาถูกยกเลิกแล้วจะเห็นได้ว่าพลวัตในเชิงบวกสามารถมองเห็นได้ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่เหมือนใครสำหรับโรคตับอักเสบชนิดที่แท้จริงในรูปแบบเฉียบพลัน Cholestasis, โรค thick thickening syndrome และแม้แต่ colic colic อาจทำให้เกิดยาเสพติดจากกลุ่ม macrolides, cephalosporins, penicillins

อาการปวดในตับหลังดื่มแอลกอฮอล์

ตับเป็นความสามารถในการเป็นเวลานาน "ทน" โหลดแอลกอฮอล์ดังนั้นอาการปวดในตับหลังจากหลักฐานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของมึนเมาเฉียบพลันหรือที่เสื่อมสภาพที่ซ่อนอยู่ของเนื้อเยื่อในเนื้อเยื่อที่ถูกถ่ายโอนไปยังเวทีขั้ว ตับผลิตแอลกอฮอล์ด้วยเอนไซม์ที่เฉพาะเจาะจง ได้แก่ แอลกอฮอล์ดีไฮโดรจีเนสซึ่งแยกแอลกอฮอล์ไปเป็น acetaldehyde ซึ่งเป็นสารพิษที่แข็งแกร่ง ตับจะพยายามขจัด acetaldehyde แต่ต้องใช้เวลาในการประมวลผลทั้งหมด สำหรับการผลิตแอลกอฮอล์ 10 กรัมที่ 40 องศาตับจะใช้เวลา 1 ชั่วโมง ถ้าคนกินมากขึ้นและบ่อยขึ้นความเจ็บปวดในตับหลังจากที่แอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงเนื่องจากร่างกายก็ไม่สามารถทำงานที่ความเร็วนี้ พัฒนาการทางพยาธิสภาพ - การเสื่อมสภาพของไขมัน (การแทรกซึม) ของเนื้อเยื่อเพราะการรักษาด้วยสารประกอบไขมันทำให้ตับต่อสู้กับอาการแอลกอฮอล์ ทรัพยากรที่เกี่ยวกับการสร้างรีซอร์สตับจะหมดลงแอลกอฮอล์ตับอักเสบพัฒนาเป็นโรคตับแข็งและความล้มเหลวของตับ

คลื่นไส้และปวดในตับ

คลื่นไส้และความเจ็บปวดในตับเป็นสองสหาย "แยกออกไม่ได้" ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับหลายโรคของระบบตับและท่อน้ำดี ไวรัสตับอักเสบ - ทั้งยาและไวรัสมีแอลกอฮอล์รวมทั้งถุงน้ำดีอักเสบโรคนิ่วและโรคอื่น ๆ ของตับและท่อน้ำดีมีอาการปวดทึบหรือเฉียบพลันและคลื่นไส้ พวกเขาเป็นสัญญาณของการกำเริบของโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นลักษณะของโรคตับอักเสบและโรคตับแข็งในระยะขั้ว คลื่นไส้สามารถถาวร, ถาวร, ซึ่งบ่งชี้ถึงกระบวนการที่ใช้งานของการอักเสบและความเสื่อมของตับที่ตับ หากอาการเหล่านี้รวมกับสีเหลืองของผิวหนังและอาการคัน - นี่เป็นสัญญาณของการกำเริบรุนแรงซึ่งต้องใช้การโทรหาแพทย์ทันที นอกจากนี้ความรู้สึกของอาการคลื่นไส้และปวดตามปกติเป็นปกติสำหรับไวรัสตับอักเสบและกำเริบของถุงน้ำดีอักเสบ คลื่นไส้และความเจ็บปวดในตับรวมกับไข้หนาวไข้มากมาย (มาก) แล้วบ่งบอกถึง cholelithiasis ที่เป็นไปได้ อาการคลื่นไส้และปวดในตับเป็นระยะ ๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการกินอาหารที่กินมากเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเมนูมีอาหารที่มีไขมันสูงรมควันและเผ็ด

อาการปวดในตับหลังจากรับประทานอาหาร

ความเจ็บปวดในตับหลังจากรับประทานอาหารเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อมีปัญหาในระบบตับและท่อน้ำดีนั่นคือการทำงานของตับและท่อน้ำดีลดลง ตับปกติมีประสิทธิภาพมากและสามารถแบกภาระทางโภชนาการได้แน่นอน สำหรับตับอย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับอวัยวะหรือระบบอื่น ๆ ของร่างกายมนุษย์อาหารสุขภาพที่สมดุลมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เป็นสิ่งสำคัญและปริมาณอาหารองค์ประกอบและส่วนผสมของสารที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ ความเจ็บปวดในตับหลังกินอาหารอาจเกิดขึ้นได้เมื่อไขมันหนักถูกนำมาใช้ในทางที่ผิดนั่นคืออาหารที่มีไขมันจากสัตว์เนื้อสัตว์น้ำซุปไขมันและขนมปังในเนยเค้กหรือขนมอบ นอกจากนี้ตับไม่ชอบ "การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นกรดและเฉียบพลัน" รวมทั้งต้นผัก - กระเทียมหัวไชเท้ามัสตาร์ดแมลงโกเชอร์หมักดองและผักดอง ความเจ็บปวดในตับหลังจากรับประทานอาหารยังสามารถพัฒนาเนื่องจากความซบเซาของน้ำดีแล้วมันไม่ได้เป็นโรคตับ แต่รัฐของถุงน้ำดีและท่อน้ำดี

ปวดในตับระหว่างตั้งครรภ์

การตั้งครรภ์หมายถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในร่างกายของผู้หญิงรวมถึงการเผาผลาญโปรตีนคาร์โบไฮเดรตและไขมันซึ่งอาจทำให้ภาระเพิ่มขึ้นตับ ความเจ็บปวดในตับในระหว่างตั้งครรภ์มักเกี่ยวข้องกับการลดสารพิษของอวัยวะลดลงเรื้อรังพยาธิสภาพที่กระจัดกระจายหรือการรับประทานอาหารรสเผ็ดร้อน อาการเจ็บปวดใด ๆ ทำให้มารดาในอนาคตกังวลเพราะโรคอาจส่งผลต่อสภาพของทารกในครรภ์ได้ นี้มีผลต่อความเจ็บปวดใน hypochondrium ขวา อาการปวดในตับในระหว่างตั้งครรภ์ไม่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากภายนอก (อาหารที่ร่างกายมีมากเกินไป) อาจบ่งบอกถึง cholestasis, แอนติบอดีตับอักเสบ, cholelithiasis โรคเหล่านี้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อกระบวนการคลอดบุตรนอกจากนี้โรคตับอักเสบเฉียบพลันและการลดลงของท่อน้ำดีทำให้เกิดอาการพิษในระยะแรกของหญิงตั้งครรภ์ ควรสังเกตว่าโรคไวรัสตับอักเสบเอหรือบีไม่ส่งไปยังทารกมีแนวโน้มที่จะมีบทบาททางพยาธิวิทยาในการพัฒนาก่อนคลอดและส่งผลกระทบต่อสภาพของมารดาในระหว่างตั้งครรภ์ ไวรัสตับอักเสบซีซึ่งเรียกว่า "นักฆ่าที่รักใคร่" ไม่แสดงอาการปวด แต่อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์และมารดาได้ ความเจ็บปวดในครรภ์อาจเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจล้มเหลวเมื่อมีไทรอยด์หรือ mitral valve ขาด เกือบ 100% ของหญิงตั้งครรภ์ได้รับการตรวจสุขภาพเมื่อเข้ารับการปรึกษาจากผู้หญิงดังนั้นลักษณะทางอวัยวะภายในและระบบภายในจึงถูกตรวจพบในช่วงตั้งครรภ์ อาการปวดในระหว่างตั้งครรภ์ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ในภายหลังมีแนวโน้มที่จะชี้ให้เห็นว่าอาหารมีการหยุดชะงักหรือสิ่งมีชีวิตของมารดาได้รับเชื้อไวรัส อาการวิตกกังวลทั้งหมดจำเป็นต้องให้ความสนใจกับแพทย์เพื่อรักษาอย่างเพียงพอ

อาการปวดเฉียบพลันในตับ

อาการปวดเฉียบพลันในตับอาจเกิดจากการขับปัสสาวะของท่อน้ำดี (DZHVP) Dyskinesia แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ hypotonic และ hypertonic type ความรู้สึกเจ็บปวดดังกล่าวเป็นลักษณะสำหรับความดันโลหิตสูงความคล่องตัวเมื่อกิจกรรมของการหดตัวของถุงน้ำดีจะสูงกว่าปกติและน้ำดี stagnates นี้นำไปสู่การอักเสบและมักจะมีการก่อตัวของหิน กระบวนการอักเสบพัฒนาประจักษ์โรคประสาทพืชรบกวนของการถ่ายอุจจาระ - สลับท้องผูกมีอาการท้องเสียความรู้สึกของอาการคลื่นไส้และอาการปวดอย่างรุนแรงในตับที่ขยายไปยังกระดูกไหปลาร้าด้านขวาสะบักไหล่

นอกจากนี้อาการปวดเฉียบพลันในตับเป็นสัญญาณทั่วไปของ CLD - cholelithiasis และอาการจุกเสียด กระตุ้นให้เกิดอาการท้องร้ายในตับสามารถรับประทานอาหารที่มีไขมันหรือเผ็ดความเครียดทางจิตใจอารมณ์ความเครียดทางร่างกายการสั่นสะเทือนของร่างกายเมื่อเดินทางในระหว่างการเดินทางหรือทำงานในท่าทางเอียง อาการจุกเสียดที่ตับในสตรีอาจสัมพันธ์กับรอบประจำเดือนหรือช่วงหลังคลอด การโจมตีก่อให้เกิดความรู้สึกของความหนักเบาไปทางขวาในด้านอาการคลื่นไส้ อาการปวดเฉียบพลันในตับส่วนใหญ่มักตื่นคนในตอนกลางคืน irradiates ไปทางด้านขวาด้านบนบางครั้งภายใต้กรามขวา อาการปวดเป็นอาการกระตุกและอาจมีอาการอาเจียนเป็นไข้

เหตุผลอีกประการหนึ่งซึ่งเป็นอาการปวดเฉียบพลันในตับเป็นการโจมตีของโรคมาลาเรียซึ่งเป็นโรคที่หาได้ยากมาก เนื้องอกที่เป็นเส้น ๆ ของตับอักเสบจะยืดตัวมากขึ้นม้ามจะขยายใหญ่ขึ้นหากไข้กินเวลานานอาการปวดจะทวีความรุนแรงมากขึ้น

[10], [11]

เกิดอะไรขึ้นถ้าฉันมีอาการปวดในตับ?

หลายคนถามตัวเองคำถาม - ความเจ็บปวดในตับต้องทำอย่างไร? คำถามนี้แน่นอนนัก gastroenterologist, hepatologist หรือเนื้องอกจะดีที่สุดในการตอบสนอง หากผู้ป่วยด้วยเหตุผลบางอย่างไม่มีโอกาสที่จะปรึกษาแพทย์ได้ทันทีคำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยลดความรุนแรงของการสำแดงอาการปวดเล็กน้อย: 

• ประการแรกด้วยอาการแรกของการดึงความเจ็บปวดเป็นระยะ ๆ ควรมีมาตรการป้องกันเพื่อใช้แนวทางของ hepatoprotectors และ cholagogue เป็น hepatoprotectors ที่เหมาะสม Hepabene, Essenizale, Karsil, Darsil การเตรียม Cholagogue - Hofitol, Allahol, Holemax นอกจากนี้ฉันจะเข้าใกล้การเก็บหญ้ากับ immortelle, stigmas ข้าวโพด, อาติโช๊ค 
• คุณสามารถลองขจัดอาการปวดเฉียบพลันด้วย antispasmodics การรับประทานยา papaverine หรือ no-shpy, spasmalgon หรือ baralgina 
• เป็นสิ่งจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดซึ่งไม่รวมอย่างน้อย 10 วันการบริโภคอาหารรสเผ็ดไขมันอาหารผัดหรือเปรี้ยว 
• เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะแสดงขึ้น - น้ำแร่ไม่มีก๊าซ 
• จำเป็นต้องใส่ในอาหาร pangamic acid (vitamin B15) ซึ่งมีอยู่ในข้าวบาร์เลย์และรำข้าว นอกจากนี้คุณยังสามารถรับประทาน methionine (14 วันสำหรับ 2-3 เม็ดต่อวันก่อนรับประทานอาหาร)

หากความวิตกกังวลอาการไม่ลดลง แต่เพียงการพัฒนาคำถาม - ความเจ็บปวดในตับจะทำอย่างไรมีคำตอบเดียวคือ - เพื่อขอปรึกษาแพทย์อย่างทันท่วงทีเพื่อหยุดกระบวนการทางพยาธิวิทยาและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

การรักษาอาการปวดในตับ

นี่ไม่ใช่แค่การวางตัวเป็นกลางของอาการปวดเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงมาตรการการรักษาโดยทั่วไปเพื่อขจัดสาเหตุของความเจ็บปวด ด้วยเหตุนี้ด้วยอาการตื่นตระหนกครั้งแรกคุณต้องหันไปหานักเลง - เพื่อรับการตรวจร่างกายตรวจวินิจฉัยและเริ่มการรักษา ที่บ้านการรักษาอาการปวดตับควรสอดคล้องกับความปลอดภัยและความเรียบง่ายที่สุดอันเนื่องมาจากความจริงที่ว่าอาการปวดสามารถบ่งบอกถึงความหลากหลายของโรคที่ไม่เกี่ยวข้องกับตับเช่นการโจมตีไส้ติ่งอักเสบ การใช้ยาอย่างไม่ถูกควบคุมสามารถบรรเทาอาการไม่สบายได้ แต่ในเวลาเดียวกันหล่อลื่นภาพทางคลินิกและทำให้การวินิจฉัยที่แตกต่างยากขึ้น

การรักษาอาการปวดในตับสามารถประกอบด้วยการหยุดอาการที่คมชัด - ปวดตัวเอง สำหรับเรื่องนี้ antispasmodics ที่ไม่ต้องสั่งตามใบสั่งแพทย์เช่น noospina, baralgin และ papaverine มีความเหมาะสม ควรสังเกตว่าพยาธิสภาพของตับตามกฎไม่เกี่ยวข้องกับอาการปวดที่ไม่สามารถทนได้เฉียบพลันซึ่งต้องถูกลบออกทันที ถ้าอาการปวดดังกล่าวเกิดขึ้นก็อาจหมายถึงอาการจุกเสียดของตับ (bilious) หรือการเกิดภาวะถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่ได้รับการรักษาด้วยยาสปิตโมลิเซีย

ภายใต้เงื่อนไขนิ่งรักษาอาการปวดในตับจะดำเนินการโดย antispasmodics ฉีด (atropine, platifillin, Baralginum) ที่การโจมตีของอาการจุกเสียดทางเดินน้ำดีที่แสดงไนโตรกลีเซอลิ้น การปิดล้อม Novokainovuyu ดำเนินการในกรณีพิเศษ นอกจากนี้การรักษาจะดำเนินการตามแผนรักษาที่รวบรวมซึ่งมีการพัฒนาบนพื้นฐานของอาการและข้อมูลของการตรวจสอบที่ครอบคลุม - การตรวจเลือดทางชีวเคมีปัสสาวะและอุจจาระอัลตราซาวนด์

การรักษาความเจ็บปวดในตับสามารถยาวมากถึงหนึ่งปีทั้งหมดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของกระบวนการทางพยาธิสภาพความจุสำรองของร่างกายและระบบตับขณะที่ทั้งสอง ระบุระยะเวลาการใช้งาน hepatoprotectors อาหารที่เข้มงวดการออกกำลังกายและการดูแลทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง

ยารักษาอาการปวดในตับ

ยาสำหรับความเจ็บปวดในตับเป็นกฎยาเสพติดที่ขจัดความเมื่อยล้าหรือสิ่งกีดขวางของทางเดินน้ำดีและยาเสพติดที่ปกป้องตับจากผลกระทบที่เป็นไปได้ก้าวร้าว (hepatoprotectors) อุตสาหกรรมยาสมัยใหม่นำเสนอยาใหม่ ๆ ที่ซับซ้อนซึ่งรวมการกระทำทั้งสองนี้ไว้ในแคปซูลหรือยาเม็ดหนึ่งชนิดซึ่งช่วยขจัดภาวะหยุดนิ่งของน้ำดีและการป้องกันตับ นอกจากนี้ยาสำหรับอาการปวดตับสามารถ spasmolytic นั่นคือผู้ที่บรรเทาอาการปวดหลัก หลังจากหยุดความเจ็บปวดแล้วจะมีการแสดง hepatoprotectors และการรับประทานเอนไซม์ที่ยาวนานเพื่อลดภาระในตับ

ในฐานะที่เป็น hepatoprotectors การเตรียมพืช - Liv-52, Galstena, Darsil, Karsil - มีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึง phospholipids ที่จำเป็นซึ่งนอกเหนือจากการมีผลต่อ hepatoprotective ควบคุมการเผาผลาญไขมันและคาร์โบไฮเดรตได้ดี นี้สามารถ Lipostabil, Essenicale Forte, Livolin, Essliver, Phosphonciale

เป็นยาที่ปรับปรุงการหมัก, การบริโภคปกติของ Mezim, Enzymthal, Unimax หรือ Festal จะระบุ

ควรสังเกตว่ายาดังกล่าวช่วยปรับปรุงการทำงานของตับ อย่างไรก็ตามการรักษาอาการปวดในตับในแง่ที่ผู้ป่วยรู้สึกตัวเองเป็นยาที่สามารถบรรเทาอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการทำให้เป็นกลางการชักของทางเดินน้ำดีซึ่งมักเกี่ยวข้องกับอาการปวดเฉียบพลันคือ No-shpa และ baralgin

ระบบการรักษาโดยละเอียดและรายละเอียดสามารถทำได้โดยแพทย์ที่เข้ารับการรักษาโดยอาศัยข้อมูลจากการตรวจสอบแบบครอบคลุมและขึ้นอยู่กับการวินิจฉัย

วิธีแก้อาการปวดในตับ

วิธีแก้อาการปวดในตับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าตับเจ็บเป็นระยะโดยไม่ต้องโจมตีและกำเริบมีวิธีการรักษาที่สามารถใช้งานได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องกลัวและความกังวล?

เพื่อบรรเทาเรื้อรังปวดจู้จี้ในตับโดยมีเงื่อนไขว่าคุณรู้ว่าเกี่ยวกับกรณีที่ไม่มีการอักเสบของภาคผนวกหรือการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ของหินในถุงน้ำดีที่เตรียมสมุนไพรที่เหมาะสมหรือชาสมุนไพร พืชต่อไปนี้มีคุณสมบัติการต้านโรคไขข้ออักเสบ: 

• Fenhely
• อัญมณีเป็นเรื่องธรรมดา
• ผักชีฝรั่ง
• สะระแหน่
• นักเคมีของดอกคาโมไมล์
• Goatee Goose
• ความแห้งกร้านละลาย
• สาโทเซนต์จอห์น

พืชเหล่านี้ทั้งหมดมี alkaloid ที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยบรรเทาอาการชัก นอกจากนี้คำถามเกี่ยวกับวิธีบรรเทาอาการปวดในตับสามารถตอบได้จากคำแนะนำของหมอทดแทนที่อ้างว่าการใช้พืชที่มีรสขมช่วยลดอาการเจ็บปวด ในบรรดาสมุนไพรซึ่งรวมถึงความขมขื่นมีดังต่อไปนี้: 

• กลุ้มคือขม
• ไออาร์เอโชคดี
• พืชจำพวกดีมังกร
• มอสแลนด์ไอซ์แลนด์
• Dandelion

พืชเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำดีซึ่งช่วยให้เกิดอาการปวดในตับที่มีอาการจุกเสียดของตับ

นอกจากนี้คำตอบสำหรับคำถาม - วิธีการบรรเทาอาการปวดในตับสามารถรับน้ำแร่อบอุ่นโดยไม่ต้องก๊าซ ถ้าแก้วน้ำแร่ที่อุณหภูมิห้อง (4 Essentuki, Borjomi) เพิ่มหนึ่งช้อนโต๊ะน้ำผึ้งและเครื่องดื่มที่ผสมในขณะท้องว่างในตอนเช้าในช่วงบ่ายส่วนใหญ่มีอาการปวดในตับที่คุณจะไม่ถูกรบกวน

อาการอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นอาการปวดเฉียบพลันมากขึ้นอาเจียนไม่สบายหรือคลื่นไส้ hyperthermia ไข้จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลเร่งด่วน

ยาชาสำหรับอาการปวดในตับ

ยาชาสำหรับความเจ็บปวดในตับจะถูกนำมาใช้ในกรณีที่เป็นโรคถุงน้ำดีอักเสบในตับรุนแรง (ตับอ่อน) ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันมักไม่ค่อยมีอาการผิดปกติอื่น ๆ นี่เป็นเพราะความจริงที่ว่าโรคตับหลายแม้ว่ามาพร้อมกับความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้มีลักษณะของความรู้สึกที่แข็งแกร่งและรุนแรงซึ่งก็คือใจกว้าง นอกจากนี้ค่อนข้างบ่อยปวดที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นกับการออกกำลังกายที่ใช้งานร่างกายซึ่งในกรณีที่เทคนิคการหายใจลึกในช่องท้องจะแสดงเพื่อคืนค่าการติดต่อของความเร็วในการไหลของเลือดในตับกับการไหลเวียนเร่งทั่วไป ทุกสถานการณ์อื่น ๆ เมื่อต้องการการระงับความรู้สึกสำหรับความเจ็บปวดในตับมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีและด้วยอาการกระตุก มันเป็นเหตุผลที่จะสมมติว่าอาการปวดจะบรรเทาโดย antispasmodic ในรายการยาเสพติดที่ปลอดภัยและยาเสพติดที่ไม่มีใบสั่งแพทย์ No-shpa (Drotaverin) มีตำแหน่งเป็นผู้นำซึ่งเป็นยาลดความอวบอิโมติคิกที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ papaverine, dibazol, dospatulin ยาแก้ปวดที่ดีสำหรับอาการปวดในตับคือยาใด ๆ ที่มีสะระแหน่และแม้กระทั่งยาที่เตรียมไว้อย่างอิสระหรือน้ำซุปสะระแหน่สามารถขจัดอาการจุกเสียดของความเข้มต่ำได้ หากคุณใช้ยาที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์เองการใช้ยาด้วยตนเองอาจส่งผลร้ายต่อคุณดังนั้นคุณควรโทรหาหมอที่แยกแยะโรคที่แท้จริงตามอาการและกำหนดวิธีการรักษาอย่างเพียงพอ

[12], [13], [14], [15], [16], [17]

สมุนไพรสำหรับอาการปวดในตับ

สมุนไพรสำหรับอาการปวดในตับเป็น adjuvant ที่ดีช่วยเพิ่มการไหลเวียนของน้ำดีซึ่งช่วยกระตุ้นคุณสมบัติการกลับมาสร้างใหม่ของตับซึ่งมีผลต่อ hepatoprotective นอกจากนี้เกือบทั้งหมดเตรียมยารักษาโรคตับที่มีการพัฒนาบนพื้นฐานของส่วนประกอบของพืชในหมู่พวกเขาที่รู้จักกันดี Carlsil และ Darcil, Gepabene, Legalon

สมุนไพรสำหรับความเจ็บปวดในตับซึ่งสามารถนำคนเดียวในรูปแบบของ broths และ tinctures: 

• Milk thistle เป็นผู้นำในยา phyto สำหรับการซ่อมแซมตับ
• โคลเวอร์เป็นหมาป่า
• ดาวเรือง
• อมตะเป็นทราย
• สะระแหน่
• stigmas ข้าวโพด
• Pizma
• ใบเบิร์ช
• Barberry
• ฮ็อพ
• Dandelion
• โรสฮิป

สูตรที่ง่ายที่สุดซึ่งในสมุนไพรมีส่วนร่วมในความเจ็บปวดในตับเป็น:

• คุณจำเป็นต้องใช้ 20 กรัมมิ้นท์ดินแห้งและรากช็อคโกแลต 1 ช้อนโต๊ะเท 1, 5 ลิตรของน้ำเดือดและต้ม 2-3 นาทีไม่มาก ยืนยันน้ำซุปเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับ 10-12 ชั่วโมงเป็นที่สะดวกที่สุดในการชงผลิตภัณฑ์ในช่วงเย็นและยืนยันคืน ในช่วงเช้าสายพันธุ์และเครื่องดื่มระหว่างวันในส่วนต่างๆ หลักสูตร - 14 วันแล้วพักหนึ่งสัปดาห์และการรักษาซ้ำ นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบที่คล้ายกัน normalizes ตับเพิ่มการไหลออกของน้ำดี, สะระแหน่มีผลดีต่อระบบประสาทและช่วยเพิ่มการนอนหลับ 
• ในฤดูใบไม้ผลิทันทีที่ดอกแดนดิไลอันบานสะพรั่งคุณควรเก็บไว้ในวิธีการรักษา - น้ำผึ้งจากดอกไม้ 300-350 หัวของดอกแดนดิไลอันซึ่งเก็บในสถานที่สะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้เทน้ำผึ้งที่มีคุณภาพตามธรรมชาติเป็นกิโลกรัม หลังจากผ่านไป 1.5 เดือนแพทย์จะพร้อม น้ำผึ้งจากดอกแดนดิไลสามารถบรรเทาอาการปวดในตับได้ แต่ควรใช้เพื่อป้องกัน ใช้น้ำผึ้งนี้ควรเป็น 1 ช้อนชาวันละสองครั้งก่อนมื้ออาหาร (เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง)

โภชนาการสำหรับอาการปวดในตับ

โภชนาการสำหรับอาการปวดในตับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการรักษาโดยทั่วไปของระบบตับและท่อไต อาหารควรปฏิบัติตามภารกิจหลักเพื่อลดอาการตับอย่างมาก แต่เมนูควรมีจำนวนคาร์โบไฮเดรตโปรตีนแร่ธาตุและวิตามินเพียงพอ กฎของโภชนาการอาหารมีดังนี้ 

• อาหารควรเป็นโปรตีนย่อยง่าย - เนื้อสัตว์ปีกขาวเนื้อกระต่ายเนื้อลูกวัว
• การใช้ไขมันพืช - น้ำมันพืชที่ดีที่สุดบริสุทธิ์การกลั่น
• อาหารควรจะลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตโดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยที่มีน้ำหนักมากเกินไป 
• ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดควรได้รับการนึ่งอย่างอ่อนโยนและไม่รวมอาหารทอด
• ปริมาณอาหารควรเป็นเศษส่วนบ่อย ๆ ทุกๆ 1.5-2 ชั่วโมง
• อาหารปรุงสุกดีที่สุดในรูปของอาหารพื้นดินนึ่งหรืออบในเตาอบ
• เมนูควรมีเส้นใย (ขนมปังกับรำข้าวดิบผักดิบ)

โภชนาการสำหรับอาการปวดในตับรวมถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าว: 

• ขนมปังข้าวไรย์ขนมปังธัญพืชพร้อมรำ
• บิสกิตบิสกิตแห้ง
• ซุปผักไม่อิ่มตัว
• เนื้อไขมันต่ำเนื้อสัตว์ปีกเนื้อวัวเนื้อวัวเนื้อลูกวัว
• ปลาลีนทะเล - ปลาคอล, ปลาดิบ, ปลาทูโขง
• ไขมัน: เนย - ไม่เกิน 30 กรัมต่อวัน, น้ำมันพืช - ไม่เกิน 50 กรัมต่อวัน
• ผักอบหรือต้ม - กะหล่ำปลีฟักทองแครอทบวบ
• น้ำผลไม้ดิบ
• โจ๊ก - gerbera, buckwheat, rice
• ไม่เกิน 1 ไข่ไก่ต่อวันดีกว่า - ทุกวัน ๆ
• ผลไม้ที่มีรสชาติหวานเปรี้ยวจะไม่รวมอยู่
• วุ้นผลไม้มันฝรั่งบด
• Med
• ชีสกระท่อมและผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยว
• น้ำซุปข้นและลูกเกด
• ชาที่ไม่สมบูรณ์เขียวสดดีกว่า

โภชนาการสำหรับความเจ็บปวดในตับไม่รวมถึงการใช้ไขมันชนิดของเนื้อเบคอนคุณไม่สามารถกินเป็ดเนื้อแกะที่อุดมไปด้วย broths ที่อุดมไปด้วย ห้ามสูบบุหรี่ในแอลกอฮอล์เห็ดช็อคโกแลตและโกโก้ใด ๆ รวมทั้งอาหารกระป๋องรมควันหรือเผ็ดทุกชนิด

อาหารสำหรับอาการปวดในตับ

อาหารสำหรับความเจ็บปวดในตับเป็นอาหารที่รู้จักกันดีจำนวน 5 ตาม Pevzner ออกแบบมาเพื่อรักษาตับและระบบทางเดินน้ำดี งานของอาหารนี้คือการช่วยบรรเทาอาการตับของไขมันได้มากที่สุดขณะเดียวกันก็รักษาปริมาณคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนที่เหมาะสม อาหารสำหรับอาการปวดในตับแสดงให้เห็นองค์ประกอบทางเคมีและปริมาณต่อไปนี้ของอาหารสำหรับวัน: 

• โปรตีนที่ได้จากสัตว์ - 50-60 กรัม
• โปรตีนจากพืช - 50-60 กรัม
• ไขมันพืช - 30-50 กรัม
• ไขมันสัตว์ควรแยกออกจากกัน
• คาร์โบไฮเดรต - 400-450 กรัม (น้ำตาลไม่เกิน 50-70 กรัม)
• เกลือ - ไม่เกิน 10 กรัมจะดีกว่าที่จะไม่รวม
• ของเหลว - 1,5-2 ลิตร (เครื่องดื่มผลไม้กระป๋องและ decoctions)

อาหารสำหรับความเจ็บปวดในตับกระจายไปได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ - 5-7 ครั้งต่อวันในส่วนที่มีขนาดเล็ก ปริมาณแคลอรี่รวมของอาหารอยู่ที่ 3,000 ถึง 3,500 กิโลแคลอรี

ตัวอย่างของอาหารประจำวันซึ่งเกี่ยวข้องกับอาหารสำหรับอาการปวดในตับ: 

1. หม้อจาก 140 กรัมชีสกระท่อม 1 ไข่และ 2 ช้อนโต๊ะน้ำตาล
2. โจ๊กข้าวโอ๊ตกับนม - 200 กรัม
3. ซุปผักผอม - 500 มล.
4. สตูว์ - 250 กรัม
5. ผักตุ๋น - 30-350
6. เยลลี่จากแอปเปิ้ล - 100 กรัม
7. หม้อกับนมในนมและลูกเกด - 20-250
8. ผลไม้แช่อิ่มแห้ง - 200 มล.
9. ไขมันต่ำ kefir - 200 กรัม
10. น้ำแร่ที่ไม่มีก๊าซ - หากต้องการ

อาหารควรสังเกตอย่างน้อยหนึ่งเดือนและโดยเฉพาะอย่างน้อย 2-3 เดือนก่อนที่จะฟื้นฟูเต็มรูปแบบของการทำงานของร่างกาย

ในกรณีใด ๆ ถ้าคุณมีอาการปวดในตับคุณต้องขอคำแนะนำจาก gastroenterologist, hepatologist หรือ oncologist เมื่อทำการวิเคราะห์บางอย่างและวิธีการวิจัยที่เป็นประโยชน์แพทย์จะพิจารณาว่าจะทำอย่างไรถ้าตับเจ็บปวดและจะกำหนดวิธีการรักษาอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ

[18], [19], [20]