อาหารที่มี enterocolitis

โรคของกระบวนการอักเสบมีผลต่อผนังของลำไส้เล็กและลำไส้เล็ก แต่เนื่องจากในกรณีส่วนใหญ่พยาธิวิทยาเริ่มจับตัวและเนื้อเยื่อในกระเพาะอาหารอาหารที่มี enterocolitis กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของโปรโตคอลการรักษา เกี่ยวกับเรื่องนี้และจะกล่าวถึงในบทความนี้

[1], [2]

การรักษา enterocolitis ด้วยอาหาร

แพทย์ต้องแยกแยะความแตกต่างของระยะเฉียบพลันและเรื้อรังของโรค แต่โปรโตคอลการรักษาในทั้งสองกรณีไม่แตกต่างกันมากนัก หนึ่งในจุดบรรเทาคือการรักษา enterocolitis กับอาหาร ในเวลาเดียวกัน dieticians พัฒนาอาหารพิเศษตารางที่ 4 ซึ่งคำนึงถึงความต้องการทั้งหมดของข้อ จำกัด

ในขณะที่อาการกำเริบของโรคผู้ป่วยจะต้องถูกถ่ายโอนไปยังอาหารเบา หลักเกณฑ์เบื้องต้นของการปรับกำลังไฟนี้สามารถสรุปได้ในกฎต่างๆดังนี้

• ในภาพทางคลินิกบางอย่าง (ระยะเฉียบพลันของโรค) แพทย์จะแต่งตั้งผู้ป่วยวันละสองครั้ง ในช่วงเวลานี้ผู้ป่วยต้องบ่อย แต่ในจิบขนาดเล็กดื่มน้ำเท่านั้น
• อาหารควรจะง่ายสำหรับการย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร
• ขจัดอาหารไขมันหนัก
• จานควรจะนึ่งในกรณีที่รุนแรง - สับ
• โจ๊กทุกชนิดโดยเฉพาะน้ำเป็นเมือก
• ซุปมิโสะธัญพืช ตัวอย่างเช่นข้าวเป็นประโยชน์

Enterocolitis ไม่ค่อยมีการวินิจฉัยว่าเป็นอิสระ ในกรณีส่วนใหญ่ก็ยังมาพร้อมกับพยาธิวิทยาที่แตกต่างกันนั่นคือการอักเสบแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ดังนั้นอาหารเช่นเดียวกับการรักษาทั้งหมดได้รับการแต่งตั้งให้ดำเนินการต่อจากข้อเท็จจริงนี้

สาระสำคัญของการรับประทานอาหารด้วย enterocolitis

ข้อ จำกัด ด้านโภชนาการและผลิตภัณฑ์เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในการรักษาโรคต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพยาธิสภาพของอวัยวะที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการย่อยอาหาร เนื่องจากลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่หมายถึงอวัยวะเหล่านี้ผลของการรักษาของพวกเขาเกี่ยวข้องโดยตรงกับอาหารที่คนควรปฏิบัติตามระหว่างการรักษาด้วยโรคดังกล่าว สาระสำคัญของอาหารที่มี enterocolitis:

• การยกเว้นอาหารที่ย่อยสลายและไขมันทั้งหมด
• อาหารพริกไทยและเผ็ดยังไม่ได้รับอนุญาต
• มันเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะลบออกจากอาหารของเครื่องเทศและการอบเนื้อรมควัน
• ภายใต้การห้ามปรามผักดิบและผลไม้โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ก่อให้เกิดก๊าซมากเกินไปหรือสามารถมีส่วนร่วมในการกระตุ้นกระบวนการหมักในกระเพาะอาหาร
• ข้อยกเว้นคือผลิตภัณฑ์จำนวนหนึ่งซึ่งจะมีการกล่าวถึงในรายละเอียดด้านล่าง
• ตารางของผู้ป่วยรายนี้ควรจะหายไปจากผลิตภัณฑ์ซุปเปอร์มาร์เก็ตซึ่งมีสารเพิ่มความคงตัวสีย้อมกลิ่นรสสารกันบูด
• การปฏิเสธอย่างเป็นรูปธรรมของอาหารจานด่วน
• อย่ากินมากเกินไป อาหารควรมีบ่อยๆและบางส่วน
• ในเวลาเดียวกันอาหารควรเป็นอาหารที่มีคุณภาพสูงและให้ปริมาณสารอาหารครบถ้วนและสารอาหารและวิตามินแร่ธาตุที่ซับซ้อน

พื้นฐานของอาหาร - มันบดซุป, วุ้น, โจ๊ก - บด หลังจากอาหารสุขภาพดีอาหารเสริมอื่น ๆ จะค่อยๆเพิ่มลงในอาหารของผู้ป่วยเช่นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ไม่ติดมันเช่นลูกชิ้นหรือไอน้ำตุ๋นปลาต้มหรือปลาทับทิมจากเนื้อปลา

ระยะเวลาของการยึดมั่นในโภชนาการอาหารส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับระยะของโรค (เฉียบพลันหรือเรื้อรัง) และความรุนแรงของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาด้วยการเลือกและการยึดมั่นในอาหารที่จำเป็นโดยเฉลี่ยข้อ จำกัด การบริโภคอาหารมีผลต่อเดือนครึ่ง หากโรคได้รับการยอมรับในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์เป็นไปได้ ระยะเวลาที่ยาวนานของโรคและการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระยะเรื้อรังอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเนื้อเยื่อซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายมนุษย์โดยรวม ในกรณีนี้ผู้ป่วยจะต้อง จำกัด ตัวเองเพื่อโภชนาการตลอดชีวิตที่เหลือของเขา

อาหารที่มี enterocolitis เฉียบพลัน

อาการกำเริบของโรคเริ่มต้นด้วยอาการปวดที่คมในบริเวณลำตัวของลำไส้ สิ่งแรกที่ได้รับมอบหมายให้ผู้ป่วยรายนี้คือส่วนที่เหลือทั้งหมด อาหารที่มีภาวะ enterocolitis เฉียบพลันเริ่มต้นด้วยการปลดปล่อยเป็นเวลา 1 หรือ 2 วันซึ่งอาหารไม่ได้รับอนุญาต การเคลื่อนไหวนี้จะช่วยให้เยื่อเมือกที่อักเสบสามารถสงบลงบ้าง กับการถือศีลอดผู้ป่วยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น แต่จำเป็นต้องดื่มน้ำ ในการทำเช่นนั้นจำเป็นต้องทำเช่นนี้บ่อยพอสมควร แต่มีจิบเล็ก ๆ

เพื่อกระจาย "อาหาร" น้ำบางส่วนอาจถูกแทนที่ด้วยการรับชาอุ่นไม่หวาน ในของเหลวคุณสามารถป้อนน้ำมะนาวหรือลูกเกดดำเล็กน้อย การรวมกันนี้จะทำให้เครื่องดื่มมีวิตามินมากขึ้นโดยเฉพาะวิตามินซี

คุณสามารถเพิ่มเกี่ยวกับช้อนโต๊ะไวน์แดงธรรมชาติ (ต่อ 200 มล. ชา) ไปยังชาเพื่อเพิ่มฮีโมโกลบินและรักษาความแข็งแรงลดลงอย่างมากโดยโรคของร่างกาย

หากสภาพร่างกายของผู้ป่วยมีเสถียรภาพค่อนข้างแล้วในวันที่สอง - สามได้รับอนุญาตให้เข้าไปในแอปเปิ้ลอาหารซึ่งจะดำเนินการโดยผู้ป่วยในรูปแบบของแอปเปิ้ลน้ำซุปข้น แอปเปิ้ลควรเลือกไม่เปรี้ยว แต่หวานพันธุ์ วันหนึ่งคุณสามารถใช้ผลไม้นี้ได้ประมาณครึ่งกิโลกรัม

นอกจากนี้หากการรักษาเป็นไปตามกำหนดเวลาและไม่มีการหยุดชะงักค่อยๆเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาต ในเวลาเดียวกันกฎยังคงใช้งานได้ต่อไป: ไม่มีอาหารประเภทไขมันเผ็ดเผ็ดรมควันและผัด สิ่งสำคัญคืออาหารเหล่านี้ไม่ควรระคายเคืองเยื่อเมือกของระบบทางเดินอาหารและไม่ควรเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการผลิตน้ำผลไม้ที่มากเกินไป พวกเขาไม่ควรทำงานเป็นตัวกระตุ้นของลำไส้ peristalsis

ค่อยๆช่วงของผลิตภัณฑ์ที่ยอมรับได้จะขยายตัว แต่ที่นี่เมนูที่มีปลาทอดหรือเนื้อสัตว์เช่นเดียวกับผักสามารถค่อยๆนำมาใช้ในอาหารของคุณเฉพาะหลังจากที่เวลาหนึ่งและได้รับอนุญาตจากแพทย์รักษา รายการที่ราบเรียบลงในเล่มปกติและรายการอาหารจะหลีกเลี่ยงการพัฒนาพยาธิวิทยาในระยะเรื้อรัง ถ้าขั้นตอนมีผลก็อาจใช้เวลาตั้งแต่เจ็ดถึงสิบวัน

ในอนาคตถ้ารู้สึกไม่สบายในลำไส้เป็นคนที่ผ่านช่องปากอักเสบเฉียบพลันแล้วตัวเองสามารถไปที่อาหารที่ 4 ได้ นี้จะไม่ทำให้รุนแรงสถานการณ์และในระยะเริ่มต้นลดการระคายเคืองของเยื่อเมือกและจากนั้นด้วยความพยายามน้อยกว่าที่จะแก้ปัญหา

ถ้าร่างกายของผู้ป่วยมีแนวโน้มที่จะพัฒนากระบวนการหมักในลำไส้เขาจะได้รับตารางอาหาร 4a ตารางนี้มีความแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่ว่าผลิตภัณฑ์นี้มีพื้นฐานอยู่บนผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณโปรตีนสูง (ประมาณ 130 - 140 กรัม) และเกลือแคลเซียม ภายใต้การห้ามเข้าผลิตภัณฑ์ธัญพืชของอาหารใด ๆ : อย่างน้อยในรูปแบบของธัญพืชแม้ในรูปแบบของการอบ ภายใต้ข้อห้ามคืออาหารที่กระตุ้นการหลั่งน้ำดีและน้ำในกระเพาะอาหารช่วยกระตุ้นตับอ่อนและตับโดยตรง

ในกรณีนี้ไม่ควรลืมเกี่ยวกับวิตามินการเช่นเครื่องดื่มเช่นน้ำซุป dogrose, ชาอุ่นด้วยการเพิ่มของมะนาวหรือลูกเกดดำ ค่าพลังงานรายวันสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ประมาณ 3,000 ถึง 3,200 กิโลแคลอรี

[3], [4], [5], [6], [7]

อาหารใน enterocolitis เรื้อรัง

ถ้ากระบวนการนี้เริ่มต้นและส่งผ่านไปยังระยะเรื้อรังแล้วการรักษาพยาบาลแบบตรงจะคล้ายกับการดำเนินการในกรณีที่เกิดการโจมตีแบบเฉียบพลัน แต่อาหารสำหรับโรค enterocolitis เรื้อรังมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ในกรณีนี้ผู้ป่วยจะได้รับตารางที่ 4b หรือ 4C อาหารของผู้ป่วยควรมีโปรตีน (ไม่เกิน 100 -120 กรัมต่อวัน)

ถ้าสภาพของผู้ป่วยทำให้เกิดความกลัวเขาจะอยู่ในโรงพยาบาล อยู่ที่นี่ถ้าจำเป็นผู้ป่วยสามารถเลี้ยงด้วยอาหารได้นั่นคือหลีกเลี่ยงทางเดินอาหาร (เช่นเป็นหลอดเลือดดำ) ในสถานการณ์เช่นนี้ผู้ป่วยจะได้รับสารเช่นสารอิเล็กโทรไลต์กรดอะมิโนองค์ประกอบของไมโครและแมโครกรดไขมันวิตามินคาร์โบไฮเดรต

ทำให้สามารถลดปริมาณสารอาหารจากอวัยวะในระบบทางเดินอาหารลดระดับการระคายเคืองของเยื่อเมือกซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประสิทธิภาพในการกำจัดโรค ในกรณีของพยาธิสภาพเรื้อรังมีการละเมิดกระบวนการของการดูดซึมและการประมวลผลของอาหาร ดังนั้นการบำบัดรวมทั้งอาหารมีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูกระบวนการเหล่านี้ในร่างกายมนุษย์

อาหารที่ 4b ถือว่าการลดปริมาณแคลอรี่ (เทียบกับตารางที่ 4a) ซึ่งอยู่ที่ 2800 ถึง 3170 กิโลแคลอรีต่อวัน ในแง่อื่น ๆ ทั้งหมดมันคล้ายกับตารางหมายเลข 4a ในระหว่างวันจำนวนมื้ออาหารควรเพิ่มขึ้นจาก 5-6 ครั้ง

อาหารที่ 4c มักจะได้รับแก่ผู้ป่วยในระหว่างการให้ออกจากระยะเรื้อรังของโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพยาธิวิทยาพิจารณาในบทความนี้เป็นภาระโดยโรคอื่น ๆ ที่มีผลต่ออวัยวะของระบบทางเดินอาหาร (กระเพาะอาหารตับอ่อนท่อน้ำดีตับ) การใช้พลังงานในชีวิตประจำวันของผลิตภัณฑ์ควรอยู่ในวงเงินไม่เกิน 2900 ถึง 3200 กิโลแคลอรี ในระหว่างวันจำนวนมื้ออาหารควรเพิ่มขึ้นจาก 5-6 ครั้ง

ผู้ป่วยดังกล่าวไม่ควรเพิ่มไขมันบริสุทธิ์ในอาหารของตนเอง หากพวกเขาถูกลบบางส่วนต้องห้ามพวกเขาสามารถป้อนลงในอาหารสำเร็จรูป ตัวอย่างเช่นหลักการนี้มีส่วนช่วยในการผลิตไส้กรอกที่ทำจากธัญพืชและไส้กรอก ในพวกเขาผลิตภัณฑ์ไขมันมีการกระจายอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปริมาตรและไม่ได้ถูกแปลโดยการรวมไขมันอย่างไม่มีนัยสำคัญเช่นเดียวกับในมือสมัครเล่น พูดแน่นอนไปเกี่ยวกับไส้กรอกทำตาม GOST สำหรับไขมันควรให้ครีมเนยหรือครีมเปรี้ยว

โดยทั่วไปการสะสมของก๊าซในลำไส้จะเพิ่มขึ้นเกิดจากคาร์โบไฮเดรต แต่ก็เป็นมูลค่า noting ว่ามันเป็นไปไม่ได้อย่างสมบูรณ์ที่จะแยกพวกเขาออกจากเมนูของผู้ป่วย พวกเขาให้ร่างกาย "ไฟ" พลังงานที่จำเป็นสำหรับชีวิตทั้งหมดของร่างกาย ในกรณีนี้ส่วนหนึ่งของพวกเขาในความเข้มของพลังงานรายวันไม่ควรเกิน 400-450 กรัมดังนั้นผู้ป่วยต้องเรียนรู้วิธีการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ง่ายต่อการประมวลผลโดยร่างกาย เหล่านี้เป็นอาหารที่มีปริมาณเส้นใยต่ำ เหล่านี้ประกอบด้วย: กะหล่ำปลีและผักชนิดหนึ่ง, หัวมันฝรั่ง, เนื้อฟักทองและอื่น ๆ

ไม่ใช่สถานที่สุดท้ายในโอกาสที่จะระคายเคืองเมือกเป็นวิธีการของการประมวลผลผลิตภัณฑ์ ควรจำไว้ว่าคุณสามารถลดระดับของเส้นใยโดยการรักษาความร้อนของผลิตภัณฑ์ (นึ่งและน้ำเดือด) เช่นเดียวกับการบด: เครื่องขูดเครื่องบดเนื้อ, ตะแกรง เมื่อผลิตภัณฑ์ถูกทำให้เป็นเนื้อเดียวกันปริมาณของเส้นใยในผลิตภัณฑ์จะลดลงโดยเฉลี่ย 4-6 ครั้ง

เมื่ออาหารไม่ย่อยเป็นผลิตภัณฑ์ท้องเสียบริโภคควรทบทวนผู้ที่อยู่ในที่พัดแทนนิน: โกโก้จัดทำบนพื้นฐานของน้ำที่แข็งแกร่ง แต่ไม่ชาหวาน, บลูเบอร์รี่และเชอร์รี่นก ( แต่ไม่เปียกเช่นใน Kissel, ผลไม้แช่อิ่ม หรือน้ำซุป) จำนวนของไวน์แดง (เช่น Cahors) Cahors สามารถนำมาเป็นช้อนโต๊ะของเครื่องดื่มเช่นเดียวกับวุ้น

ในขณะเดียวกันก็ควรจำไว้ว่ามันเป็นความผิดพลาดที่จะยอมรับชาที่แข็งแกร่งกับ croutons สีขาว ความเป็นเอกเทศแทนนินในชาช่วยจับโปรตีนที่ก่อให้เกิดโรคได้ดีในลำไส้ ถ้าคุณกินมันพร้อมกับ breadcrumbs ขาวน้ำชาแทนนินจะติดต่อโปรตีนขนมปังในปากของคุณ นี้เป็นกลางผลกระทบในลำไส้โดยไม่ให้ผลบวก

อาหารทุกจานควรอุ่น ค่าอุณหภูมิของพวกเขาควรจะใกล้เคียงกับอุณหภูมิของเนื้อเยื่อมนุษย์

ไม่จำเป็นที่จะจำได้อีกครั้งว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้และวิธีการของการประมวลผลของพวกเขาที่เพิ่มกิจกรรมมอเตอร์ยนต์ของลำไส้:

• ผลไม้เปรี้ยว
• เนื้อ "ห่อ" โดย fasciae และ sinews เนื้อออกจากพวกเขาจะไม่สนใจในลำไส้เยื่อเมือก
• ผักดิบและผลไม้ เป็นมูลค่าต้มและเช็ดของพวกเขา - พวกเขาอย่างมีนัยสำคัญลดกิจกรรมกระตุ้นของพวกเขาในลำไส้

นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยต้องการทราบ หากมีคำถามหรือข้อสงสัยพวกเขาควรจะถามโดยแพทย์ของคุณ

[8], [9], [10], [11]

อาหารที่มีอาการกำเริบของ enterocolitis

ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น enterocolitis เรื้อรัง ด้วยวิธีการที่เหมาะสมในการรักษาและการปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมดของแพทย์คุณจึงสามารถแปลโรคให้อยู่ในสถานะของการบรรเทาได้ แต่ถ้าความล้มเหลวเกิดขึ้นโรคจะกลับมาพร้อมกับการโจมตีรุนแรง สาเหตุที่ทำให้เกิดการกลับมามีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผักดิบที่บริโภคในปริมาณที่เพิ่มขึ้นงานอดิเรกของผลิตภัณฑ์ที่รมควันซอสเผ็ดและเผ็ด ตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการกลับมาของโรคอีกตัวหนึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในร่างกายได้เร็ว ๆ นี้ ในกรณีนี้อาหารจำเป็นสำหรับการกำเริบของ enterocolitis ซึ่งมีคุณลักษณะของตัวเอง

สิ่งแรกที่ผู้เชี่ยวชาญทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพยาธิวิทยาเป็นภาระโดยความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารก็คือผู้ป่วยได้รับมอบหมายวันปลดปล่อย ความอดอยากจะช่วยให้อวัยวะในระบบทางเดินอาหาร "พักผ่อน" และการระคายเคืองของเมือกจะลดลงบ้าง ในสี่ถึงห้าวันแรกจนลำไส้ทำงานลดอาหารที่อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรต

ในช่วงเวลานี้ร่างกายส่วนใหญ่ดูดซับเกลือแร่และวิตามินทั้งหมด การขาดสารสามารถนำไปสู่การละเมิดต่างๆในร่างกายส่งผลต่อเส้นประสาทเซลล์กระดูกและกล้ามเนื้อและหน้าที่ของพวกเขา ดังนั้นต้องใส่องค์ประกอบเหล่านี้เพิ่มเติม

แต่ควรจดจำว่าแคลเซียมจะถูกดูดซึมได้ดีขึ้นเมื่อมีปริมาณฟอสฟอรัสไขมันและโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอ ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเช่นชีสแข็งและชีสกระท่อม เป็นที่พึงปรารถนาที่จะกินพวกเขาแม้ว่าค่อยๆ แต่ทุกวัน

เพื่อป้องกันการเกิดโรคโลหิตจางอาหารที่บริโภคโดยผู้ป่วยควรมีธาตุเหล็กที่ย่อยได้ง่ายเพียงพอ

ผลิตภัณฑ์เหล็ก ได้แก่

• ตับ
• Hematogen ขายในร้านขายยาใด ๆ
• ไข่
• เนื้อ (ในกรณีนี้ไขมันต่ำ)
• แป้งข้าวโอ๊ตและแป้งสาลีเกรดที่สอง
• Quince และ Dogwood
• แอปเปิ้ลและลูกแพร์

ในอาหารการบริโภคเกลือควรมี จำกัด เนื่องจากมันทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเยื่อเมือก

หลังจากการทำงานของลำไส้ได้ปกติและการกำบังจะถูกเอาออกผู้ป่วยจะถูกถ่ายโอนไปยังอาหารที่มีใบมีดเต็มรูปแบบที่มีเงื่อนไขตามตารางที่ 4b ถ้าไม่เกิดความล้มเหลวต่อไปผู้ป่วยโดยเฉลี่ย "ตั้งอยู่" ในเรื่องดังกล่าวในด้านโภชนาการในอีกสองถึงสามสัปดาห์ หลังจากนี้แพทย์ที่เข้าร่วมจะช่วยให้คุณสามารถค่อยๆแนะนำอาหารและอาหารอื่น ๆ ของคุณได้ แต่ต้องทำอย่างราบรื่นและที่สำคัญที่สุดคืออย่ากินมากเกินไป

เมื่อโรคถูกส่งกลับไปยังสถานะการให้ยาแพทย์จะอนุญาตให้คุณเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ล้าง แต่ในทางตรงกันข้ามผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามอาหารที่รับประทานเป็นระยะ ๆ

[12], [13], [14], [15], [16]

อาหารที่มี enterocolitis ในเด็ก

ถ้าผู้ป่วยมีเรื่องของบทความนี้โรคที่เป็นเด็กเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ได้รับการรักษาทางการแพทย์ที่ครอบคลุม (ยากลุ่มต้านเชื้อแบคทีเรีย, สารต้านการอักเสบแก้ปวดเช่นเดียวกับวิตามินและแร่ธาตุที่ซับซ้อน) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทารกที่ต้องการปรับอาหารและกำหนดการรับประทานอาหาร อาหารสำหรับ enterocolitis ในเด็กคล้ายกับอาหารของผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่ แต่ก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง

เบื้องต้นด้วยอาการกำเริบของอาการเด็กจะถูกถ่ายโอนไปยังความหิวโหยน้ำชา จำนวนมื้ออาหารเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น 5-6 ต่อวัน เช่นผู้ป่วยในอาหารที่ได้รับอนุญาต:

• น้ำซุปเนื้อ
• ซุปบด
• ได้รับอนุญาต - อาย
• ควรปรุงเนื้อสัตว์และปลาให้คู่รักเท่านั้น
• เพื่อลดอาการปวดเด็กจะได้รับน้ำกะหล่ำปลี
• ผลกระทบที่เป็นบวกต่อระบบทางเดินอาหารของเด็กคือน้ำแร่ (Borjomi, Essentuki No. 17 และอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน)

จากอาหารของทารกควรจะลบ:

• ผลไม้และผักที่ยังไม่ได้รับการประมวลผลความร้อน
• ขนมปังดำทำจากแป้งชั้นสูงสุดและเกรด 1
• ถั่ว
• ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่สามารถทำหน้าที่เป็นสารระคายเคืองต่อเยื่อเมือกหรือกระตุ้นให้เกิดแก๊สที่เพิ่มขึ้นในลำไส้กระตุ้นกระบวนการหมัก
• ผลิตภัณฑ์ที่สามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ในร่างกายได้

[17], [18], [19], [20], [21]

อาหาร 4 ที่มี enterocolitis

อาหารทุกชนิดที่แพทย์ใช้ในการรักษาโรคบางชนิดได้รับการพัฒนาโดยสถาบันวิจัยพิเศษและนักโภชนาการที่มีประสบการณ์ภายใต้การแนะนำของแพทย์ อาหาร 4 ที่มี enterocolitis ใช้สำหรับ cupping และ pathologies อื่น ๆ :

• ไข้ไทฟอยด์
• วัณโรคในลำไส้
• Gastroenterocolitis
• โรคลำไส้ใหญ่บวมเรื้อรังและโรคอื่น ๆ

วัตถุประสงค์หลักของตารางที่ 4 อยู่ในอาหารประหยัดมากที่สุดลดผลกระทบทางกายภาพเคมีและอุณหภูมิบนเยื่อเมือกได้รับผลกระทบจากการอักเสบ อาหารนี้ช่วยลดโอกาสในการพัฒนากระบวนการเน่าเปื่อยและหมัก ห้ามรับประทานในอาหารหรืออาหารที่เป็นสาเหตุของการกระตุ้นความลับของตับการหลั่งของกระเพาะอาหารและตับอ่อนเพิ่มขึ้น

สาระสำคัญของการปรับกระบวนการโภชนาการ - ลดคุณค่าทางพลังงานและปริมาณแคลอรี่โดยการลดเปอร์เซ็นต์ไขมันและคาร์โบไฮเดรต ในเวลาเดียวกันส่วนประกอบเชิงปริมาณของโปรตีนยังคงอยู่ในบรรทัดฐานทางสรีรวิทยา ปริมาณเกลือที่บริโภคลดลง

ค่าพลังงานเฉลี่ยต่อวันของจานประมาณ 2050 กิโลแคลอรี

ปริมาณที่แนะนำของมื้ออาหารประจำวันคือ 4-6 ครั้ง อย่ากินมากเกินไปดังนั้นบางส่วนจึงควรมีปริมาณน้อย

กับการรักษาเสถียรภาพของรัฐของสุขภาพ, อาหารประจำวันช่วยให้ความสัมพันธ์ดังต่อไปนี้:

• โปรตีน - 100 กรัมจากนี้หก - ส่วนที่เจ็ดคือการกำหนดให้โปรตีนของสัตว์ที่เหลือ - ไปยังโรงงาน
• คาร์โบไฮเดรต - 250 กรัมพวกเขาสามารถใช้เวลาเพียงประมาณ 30-50 กรัมของน้ำตาลตลอดทั้งวัน
• ไขมัน - 70 กรัมส่วนใหญ่ (ครึ่งใหญ่) - สูงถึง 50 กรัม - เป็นครีมและเนย
• เกลือ - จาก 8 ถึง 10 ปี
• ในระหว่างวันปริมาณของเหลวที่บริโภคจะต้องถึงระดับหนึ่งลิตรครึ่ง

วิธีการหลักของการประมวลผลคือผลิตภัณฑ์ที่ต้มและนึ่งพวกเขา เสิร์ฟอาหารของผู้ป่วยในรูปแบบซุปข้นหรือที่เป็นของเหลว (ซุปและเครื่องดื่ม)

[22], [23], [24]

เมนูอาหารสำหรับ enterocolitis

ถ้าผู้ป่วยหรือครอบครัวของเขาประสบปัญหาดังกล่าวเป็นครั้งแรกในการ จำกัด อาหารสำหรับ enterocolitis มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งแรกเพื่อให้เป็นเมนูประจำวันที่ถูกต้อง เพื่อความสะดวกในกระบวนการนี้เราพร้อมที่จะเสนอทางเลือกให้กับเมนูอาหารประจำสัปดาห์สำหรับ enterocolitis

วันจันทร์

อาหารเช้า

• ไก่นึ่งไก่ - 100 กรัม
• มันฝรั่งบด - 200 กรัม
• ขนมปังสีดำเมื่อวานนี้ - 20 กรัม

Lentz: เช็ดกระท่อมชีส

อาหารกลางวัน:

• น้ำซุปเนื้อ - 250 มล.
• แครอทต้มต้มในเครื่องปั่น - 200 กรัม
• ปลาต้ม - 90 - 100 กรัม

อาหารว่าง: สดใหม่กับ rusks

อาหารเย็น:

• แป้งเซมะลีเนอร์ข้าวต้ม - 300 กรัม
• ชาเขียว - 200 มล.

ทันทีก่อนเข้านอน - แก้วนมเปรี้ยว

วันอังคาร

อาหารเช้า

• ข้าวต้ม 200.
• น้ำเดือดพร้อมกับมะนาว - 200 มล.

อาหารกลางวัน: แอปเปิ้ลอบ

อาหารกลางวัน:

• ซุปข้น - 250 มล.
• เนื้อเนยแข็ง - 90 กรัม
• ผลไม้แช่อิ่มผลไม้ - 200 มล.

ขนมขบเคี้ยวในตอนบ่าย: ใส่ผักชีกับแคร็กเกอร์ด้วยการเพิ่มกลูโคส

อาหารเย็น:

• พุดดิ้งเค้กและข้าว - 300 กรัม
• ชารสหวาน - 200 มล.

ทันทีก่อนเข้านอน - แก้ววุ้นผลไม้

วันพุธ

อาหารเช้า

• ข้าวโอ๊ตปรุงสุกบนน้ำเจือจางด้วยน้ำ - 200 กรัม
• น้ำเดือดเล็กน้อยที่มีรสหวานกับมะนาว - 200 มล.

อาหารกลางวัน: ชาเขียวอุ่น

อาหารกลางวัน:

• ซุปกับลูกชิ้น - 250-300 มล.
• มันฝรั่งบด - 200 กรัม
• Souffle ไอน้ำปลา - 90 กรัม
• เจลลี่แอ็ปเปิ้ล - 200 มล.

ขนมขบเคี้ยว: นมผง

อาหารเย็น:

• พุดดิ้งบัควีทกับเนื้อไม่ติดมัน - 300 กรัม
• น้ำซุปโรยด้วยน้ำตาลและแคร็กเกอร์ - 200 มล.

ก่อนนอนชาแก้วกับน้ำตาล

วันพฤหัสบดี

อาหารเช้า

• โจ๊กข้าวต้มปรุงสุกบนน้ำเจือจางด้วยน้ำ - 200 กรัม
• วุ้นนม - 200 มล.

อาหารกลางวัน: น้ำพริกแกงเผ็ดกับชา

อาหารกลางวัน:

• ซุปกับธัญพืช - 250-300 มล.
• มันฝรั่งบด - 200 กรัม
• เนื้อห่อนึ่ง - 90 กรัม
• น้ำซุปโรสฟลาวเวอร์ - 200 มล.

ขนมขบเคี้ยว: น้ำซุปข้นแอปเปิ้ลที่มีไข่ขาววิปปิ้ง

อาหารเย็น:

• ขนโจ๊กผัด - 300 กรัม
• เนื้อดิบ - 90 กรัม
• น้ำซุปโรยด้วยน้ำตาลและแคร็กเกอร์ - 200 มล.

ทันทีก่อนเข้านอน - แก้วน้ำผลไม้เจลลี่

วันศุกร์

อาหารเช้า

• Potato and egg casserole - 200 กรัม
• เจลลี่แอ็ปเปิ้ล - 200 มล.

อาหารกลางวัน: ชีสกระท่อมตีด้วยนม

อาหารกลางวัน:

• ซุปปลาเฮอร์ริ่ง - 250-300 มล.
• ข้าวต้มข้าว - 200 กรัม
• ปลา Fricasse - 90 กรัม
• ชิ้นส่วนของขนมปังสีดำ - 20 กรัม
• ผลไม้แช่อิ่มผลไม้แห้ง - 200 มล.

อาหารว่างตอนบ่าย: Souffle แอปเปิ้ล

อาหารเย็น:

• น้ำซุปข้นผัก - 300 กรัม
• หม้อปรุงอาหารเนื้อ - 90 กรัม
• ชารสหวาน - 200 มล.

ทันทีก่อนเข้านอน - แก้วน้ำหวาน

วันเสาร์

อาหารเช้า

• ปลาเฟรสซี - 200 กรัม
• ผัก puree - 200 กรัม

อาหารกลางวัน: แอปเปิ้ลอบ

อาหารกลางวัน:

• ซุปซุป - 250 มล.
• ผักต้มต้ม - 200 กรัม
• เกี๊ยวเนื้อ - 90 กรัม
• น้ำแร่ที่ไม่มีก๊าซ - 200 มล.

ขนมขบเคี้ยว: วุ้นผลไม้

อาหารเย็น:

• น้ำซุปข้นผัก - 300 กรัม
• ก้อนหิมะ - 90 กรัม
• ชารสหวาน - 200 มล.

ทันทีก่อนเข้านอน - แก้ว kefir

วันอาทิตย์

อาหารเช้า

• Meatloaf ยัดไส้ไข่เจียว - 200 กรัม
• ต้มผักชนิดหนึ่งผัด - 200 กรัม

อาหารกลางวัน: ชีสเต้าหู้กับชา

อาหารกลางวัน:

• ซุป - ผักสารพัน - 250 มล.
• น้ำซุปข้นจากกะหล่ำปลี - 200 กรัม
• ปลาเฟรสซี - 90 กรัม
• น้ำซุปโรสฟลาวเวอร์ - 200 มล.

อาหารว่างยามบ่าย: หม้อปรุงอาหารผลไม้

อาหารเย็น:

• ผักข้น - สารพัน - 300 กรัม
• ตับอ่อน 90 กรัม
• Zephyr - 1 pc.

ทันทีก่อนเข้านอน - แก้วเจลลี่

สูตรอาหารที่มี enterocolitis

เพื่อให้สามารถสร้างและรักษาอาหารได้อย่างถูกต้องคุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการเตรียมอาหารที่ทำขึ้นจากอาหารของผู้ป่วย ไม่จำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับเทคนิคการประมวลผลจำนวนมากและศึกษาสูตรอาหารสำหรับ enterocolitis

สูตรสำหรับวุ้นจากข้าวโอ๊ต

ล้างกล้วยให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น ในส่วนของน้ำที่อุณหภูมิห้องให้ใส่ส่วนหนึ่งของข้าวโอ๊ตบริสุทธิ์และปล่อยให้บวมตลอดทั้งคืน ผัดเป็นครั้งคราว กรุ๊ปในขณะนี้จะให้ขึ้นของเหลวตัง ดังนั้นในตอนเช้าองค์ประกอบควรจะระบายน้ำอิ่มตัวควรจะเทลงในกระทะและเก็บไว้ในที่มีความร้อนต่ำจนข้น

กลุ่มตัวเองไม่ถูกโยนออกไป กับมันคุณสามารถปรุงอาหารโจ๊กหรือปรุงอาหารหม้อปรุงอาหาร

ข้าวต้มเป็นสีแดงปนแดง

สำหรับการปรุงอาหารคุณจะต้อง:

• ธัญพืช - 50 กรัม
• น้ำซุปเนื้ออ่อน - 250 มล
• เกลือเพื่อลิ้มรส

ลำดับของการเตรียม:

• เพื่อให้ได้น้ำซุปให้เดือดเนื้อในน้ำ เพื่อให้ของเหลวไม่หนักมากนักในกรณีนี้ควรทำให้เย็นและนำออกจากผิวอย่างละเอียดเพื่อขจัดไขมันที่แช่แข็ง
• ละลายของเหลวและเจือจางด้วยน้ำนำมันในปริมาณสองครั้งใหญ่กว่าตัวเองน้ำซุป
• ใส่ไฟและรอให้เดือด
• ข้าวโพดข้าวที่ล้างในน่านน้ำหลายแห่ง ใส่ลงในของเหลวเดือด
• หลังจากส่วนผสมหนาขึ้นให้ปิดภาชนะและจานบนเปลวไฟที่อ่อนแอให้หลุดออกไปประมาณหนึ่งชั่วโมง
• เทโจ๊กก่อนสิ้นสุดการปรุงอาหาร
• เย็นเล็กน้อยเช็ดผ่านตะแกรง
• ก่อนเสิร์ฟให้เพิ่มเนย

เพื่อเพิ่มความเร็วในการหุงต้มข้าวสามารถแทนที่ข้าวได้ด้วยการตัดข้าว

วุ้นผลไม้

สำหรับการปรุงอาหารคุณจะต้อง:

• ผลไม้อบแห้งหรือสด (เช่นลูกเกดดำ) - แห้ง 15 กรัมถ้าสดแล้วก็เพิ่มขึ้น
• แป้งมันฝรั่ง - 8 กรัม
• น้ำตาล - 10 กรัม

ลำดับของการเตรียม:

• ผลเบอร์รี่เลือกและล้าง
• เทแก้วน้ำและวางบนไฟ, ปรุงอาหารจนกว่าอ่อนของผลเบอร์รี่
• องค์ประกอบเล็กน้อยเย็นและความเครียด
• รวมแป้งกับน้ำเย็นและผสมให้เข้ากัน ให้อัตราส่วนน้ำต่อแป้ง = 4: 1
• ในน้ำเดือดที่ตึงให้เบา ๆ นำแป้งที่เจือจาง
• น้ำตาลและรอให้เดือดอีกครั้ง

เครื่องดื่มนี้จัดทำขึ้นเฉพาะสำหรับเทคโนโลยีนี้เท่านั้น การเพิ่มน้ำซุปข้นผลไม้ไม่แนะนำ หลังจากเทวุ้นเทลงบนถ้วยแล้วควรถูเครื่องดื่มด้วยผงน้ำตาล เพื่อป้องกันผิวจากการเกิดฟิล์มกรด

ไส้เนื้อ

สำหรับการปรุงอาหารคุณจะต้อง:

• เนื้อ Lean ปอกเปลือกจากเส้นใยเอ็นและฟิล์ม - 110 กรัม
• ข้าว - 8 กรัม
• ไข่ - ส่วนที่สี่
• น้ำ - 50 มล
• เนย - 5 กรัม
• เกลือ - 1 กรัม

ลำดับของการเตรียม:

• ทำความสะอาดและล้างชิ้นเนื้อ ต้มและหลังจากเย็นสามครั้งผ่านเครื่องบดเนื้อ
• บนน้ำปรุงอาหารจนข้าวพร้อม ทำให้เย็นลง
• ผสมเนื้อบิดและข้าวเย็น
• แล้วร่วมกันผ่านเครื่องบดเนื้ออีกครั้ง
• ในข้าวและเนื้อผสมให้ใส่ไข่และเกลือ คนให้เข้ากัน
• จากลูกกลิ้งที่ทำจากแป้งถั่วลิสงแล้วให้เรียบให้เรียบและถักโครเชต์ขึ้นเล็กน้อย
• ต้มผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปด้วยไอน้ำ
• เสิร์ฟบนโต๊ะเทจานด้วยเนยละลาย

ไข่เจียวนึ่ง

สำหรับการปรุงอาหารคุณจะต้อง:

• ไข่ - 2 ชิ้น
• เนย - 5 กรัม
• น้ำ 80 มล
• เกลือ - 1 กรัม

ลำดับของการเตรียม:

• ไข่ปัดเล็กน้อย
• เพิ่มน้ำและเกลือ คนให้เข้ากัน
• การแยกองค์ประกอบ
• ใส่ภาชนะที่มีภาชนะและปรุงอาหารด้วยไอน้ำ ชั้นเติมต้องน้อยกว่าสี่เซนติเมตร ความสูงของจานจะไม่ยอมให้คุณเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง จุลินทรีย์สามารถทำงานได้ในไข่
• เมื่อให้บริการผู้ป่วยจานจากด้านบนควรโรยด้วยเนยละลาย

ชีสเต้าหู้soufflé

สำหรับการปรุงอาหารคุณจะต้อง:

• ชีสกระท่อม (บ้านหรือร้านค้า) - 100 กรัม
• ไข่ - ครึ่ง
• เนย - 5 กรัม
• Groats manna - 10 กรัม
• น้ำตาล - 5 กรัม

ลำดับของการเตรียม:

• ชุบชีสกระท่อมให้ละเอียดโดยใช้ตะแกรง
• ในมวลเพื่อแนะนำส่วนผสมอื่น ๆ (ยกเว้นน้ำมัน) และผสมให้เข้ากัน ในกรณีนี้จะมีการเพิ่มเฉพาะไข่แดงเท่านั้น
• โปรตีนถูกตีแยกจากกันไปเป็นโฟมหนา
• โฟมโปรตีนอย่างเรียบร้อยในส่วนที่มีขนาดเล็กจะถูกนำเข้าสู่เนื้อเยื่อแข็ง
• แป้งชีสกระท่อมเพื่อถ่ายโอนไปยังรูปแบบที่ทาด้วยน้ำมันและเพื่อให้สัมผัสกับการเตรียมบนไอน้ำ

วุ้นทำจากโยเกิร์ต

สำหรับการปรุงอาหารคุณจะต้อง:

• Kefir (เราใช้เวลาไม่สด แต่เมื่อวานหรือสามวันก่อน) - 100 กรัม
• เจลาติน - 3 กรัม
• น้ำ - 10 กรัม
• น้ำตาล - ช้อนโต๊ะ (20 กรัม)
• คุณสามารถเพิ่มกรัมอบเชยได้

ลำดับของการเตรียม:

• Kefir ผสมกับอบเชยและน้ำตาล
• ในเจลาตินขนานควรเทด้วยน้ำและปล่อยให้มันลุกขึ้นยืนเพื่อบวม
• ใน kefir ค่อยๆอย่างต่อเนื่องผสมเจลาตินบวมฉีด
• ผสมควรผสมให้ละเอียดจนน้ำตาลและเจลาตินละลายหมด
• ควรเท kefir mass ลงในแม่พิมพ์และวางไว้ในที่เย็น อาจเป็นตู้เย็นหรือห้องใต้ดิน

ปลานึ่งเบอร์เกอร์

สำหรับการปรุงอาหารคุณจะต้อง:

• เนื้อปลา - 100 กรัม
• ข้าว - 8 กรัม
• เนย - 5 กรัม
• เกลือ - 1 กรัม
• น้ำ - 15 กรัม

ลำดับของการเตรียม:

• ปลาแยกชิ้นเนื้อออกและถอดกระดูกออก เนื้อสัตว์สองครั้งผ่านเครื่องบดเนื้อ
• ล้างน้ำ 2 ครั้งในน้ำเย็นและต้มจนกว่าจะพร้อม ทำให้เย็นลง
• ปลาและผสมธัญพืชและอีกครั้งผ่านเครื่องบดเนื้อ
• ปลาและข้าวสับเพิ่มและรูปแบบ cutlets
• เตรียมพวกเขาโดยใช้ไอน้ำ
• ไปที่โต๊ะเพื่อเสิร์ฟโรยด้วยเนย

[25],

ซุปอาหารกับลูกชิ้น

สำหรับการปรุงอาหารคุณจะต้อง:

• เนื้อปลา - 80 กรัม (หอก - เกาะที่นี่)
• ลูกศร (ผลิตภัณฑ์ไม่ควรสด) - 10 กรัม
• ผักชีฝรั่งสีเขียว - คู่ของกิ่ง
• เกลือ - 1 กรัม
• น้ำ - 15 กรัม (สำหรับบรรจุอาหาร)
• น้ำซุปปลา - 350 มล

ลำดับของการเตรียม:

• หลักล้างและแบ่งปลาแยกเนื้อจากกระดูก ล้างออกให้สะอาด
• เพิ่มหัวปลาครีบสันและผิวหนังลงในกระทะด้วยน้ำ ปรุงน้ำซุป ของเหลวต้องระบายได้ดี
• ขนมปังแช่แข็งแช่อยู่ในน้ำ
• ควบคู่ไปกับการเตรียมน้ำซุปที่เราผ่านเนื้อบดเนื้อหอยตี
• เพิ่มขนมปังเปียก (เราบีบน้ำส่วนเกิน) เราผสมกันได้ดี
• เราบดอีกครั้งในเครื่องบดเนื้อ
• เติมเกลือ คน
• เนื้อทับทิมท้อแท้: เราใช้เนื้อในมือด้วยความพยายามโยนมันกลับลงในภาชนะหรือบนกระดานตัด กระบวนการนี้จะปิดผนึกบรรจุ
• แบ่งเป็นส่วน ๆ เราสร้างลูกบอล
• เราเดือดพวกเขาในน้ำเดือดหลังจากที่เราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการอาบน้ำ
• ก่อนเสริฟชามจะเต็มไปด้วยน้ำซุปปลาลูกชิ้นและกรีน

โจ๊ก semolina ยัน

สำหรับการปรุงอาหารคุณจะต้อง:

• น้ำ 250 มล
• Groats manna - 50 กรัม
• เนย - 5 กรัม
• เกลือ - 2 กรัม

ลำดับของการเตรียม:

• เทน้ำลงในภาชนะเพื่อนำไปต้มใส่เกลือ
• Manco ถูกฉีดเข้าไปในของเหลวที่เดือดไม่ได้ทั้งหมดในครั้งเดียว แต่มีกระแสขนาดเล็กในขณะที่การผสมตลอดเวลา ข้อควรระวังดังกล่าวจะไม่อนุญาตให้มีการก่อตัวของก้อนและโจ๊กก็จะเป็นเนื้อเดียวกัน
• ผัดตลอดเวลา, ปรุงอาหารสำหรับแปดถึงสิบนาที
• โดยตรงในชามโจ๊กใส่เนย

เป็นตัวเลือก - โจ๊กนี้สามารถปรุงสุกในน้ำซุปเนื้อเบา สามารถหาได้จากการต้มเนื้อสัตว์ จากนั้นคลายของเหลวเอาไขมันส่วนบนและท่อระบายน้ำ เจือจางด้วยน้ำครึ่งหนึ่ง ให้เดือด น้ำซุปพร้อมแล้ว

อาหาร - ช่วยบำรุงสมองและร่างกาย แต่ด้วยพัฒนาการทางพยาธิวิทยาบางอย่างมันสามารถก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรงต่อบุคคลหนึ่งซึ่งทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น ดังนั้นเมื่อมีการหยุดยั้งโรคจำนวนมากข้อ จำกัด ในการบริโภคอาหารไม่น้อยในขั้นตอนการรักษา ผลที่ล้ำค่าของร่างกายและอาหารที่มี enterocolitis ข้อ จำกัด ที่เข้มงวดสามารถเอาภาระหลักออกจากระบบทางเดินอาหารและระดับของการระคายเคืองของเยื่อเมือกลดลงซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

คุณกินอะไรกับ enterocolitis?

หลังจากรับประทานอาหารแล้วคำถามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติคือสิ่งที่สามารถกินได้กับ enterocolitis ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยอมรับได้ในปริมาณใดและควร จำกัด ปริมาณใดบ้างที่ จำกัด

อนุญาตให้มีการรับอาหารและอาหารดังกล่าว:

• ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่:
  • ข้าวสาลีขนมปังเมื่อวานหรือ croutons
  • คุกกี้ที่ไม่สบายใจ
  • มันเป็นเรื่องยากมากที่จะจ่ายพายทำจากแป้งอึดอัด การบรรจุ: เนื้อไม่ติดมันบด, ไข่ต้ม, ชีสกระท่อม, แยมผลไม้และผัก
• ล้างจานแรกบนน้ำหรือน้ำซุปเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ ในกรณีนี้ควรใส่ผักและธัญพืชให้สุกให้ทั่วถึงเพื่อความเป็นเนื้อเดียวกัน
• เนื้อหมู (เนื้อแกะครอคโค่เนื้อวัวเนื้อสัตว์ปีก) นึ่งหรือต้มและสับในลักษณะที่สามารถเข้าถึงได้: ถักไหมพรมซุปลูกชิ้นหมูตุ๋นเนื้อตุ๋นจากเนื้อบดลูกชิ้น
• ไม่ใช่ปลาที่เป็นไขมัน (ส่วนใหญ่เป็นปลาทะเล) การแปรรูปอาหารคล้ายกับวิธีการแปรรูปเนื้อสัตว์ คาเวียร์เม็ดเล็ก ๆ ของเกลือที่อ่อนแอ
• กระถางผัก, อาหารข้น
• จูเซ็ล mousses เชอร์เบท compotes สดและผลไม้
• กะทิปรุงสุกบนน้ำและต้มให้ได้สถานะของรอยเปื้อน ข้าวเกรียบเช่นข้าว semolina, ข้าวโอ๊ต, ขูดบัควีทจะได้รับอนุญาต
• น้ำผลไม้ แต่ไม่เปรี้ยว
• นมและวุ้นผลไม้
• ไข่เจียวสำหรับคู่รัก
• พุดดิ้งซึ่งขึ้นอยู่กับโจ๊กบดหรือวุ้นเส้น
• ชีสแข็งไม่คม
• ไข่ "ในถุง" หรือ "นุ่ม"
• ชีสกระท่อมสด (มีไขมันต่ำ)

• จากขนมบางครั้งคุณสามารถโปรดตัวเองด้วยขนมหวานหรือแยม
• ไม่แนะนำให้ดื่มนมเป็นอาหารแยกต่างหาก สามารถใช้ได้เฉพาะกับการปรุงอาหารอื่น ๆ
• Kefir และโยเกิร์ต
• จำกัด - เนย
• ผักชีฝรั่งสีเขียวผักชีฝรั่ง - เป็นเครื่องปรุงรส

สิ่งที่คุณไม่สามารถกินกับ enterocolitis?

หากมีรายการอาหารที่ได้รับอนุญาตให้รับผู้ป่วยรายนั้นมีรายชื่ออื่นที่ไม่สามารถกินได้ด้วย enterocolitis

• ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่:
  • ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่อบสดใหม่รวมทั้งสุกบนพื้นฐานของแป้งข้าวไรย์
  • แพนเค้กและแพนเค้ก
  • ขนมปังขนมเค้กและขนมอบ
• ไขมันเกรดของเนื้อ ผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเนื้อกระป๋องรมควัน
• นมและผลิตภัณฑ์จากการแปรรูป (มีข้อยกเว้นน้อย)
• ไขมันใด ๆ ยกเว้นเนยที่ได้รับอนุญาตในปริมาณที่ จำกัด
• อาหารที่ทำจากไข่สุกทอดหรือนำมาทอดในรูปดิบ
• ผักและผลไม้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบดิบ
• ธัญพืช: ข้าวบาร์เลย์มุก, ข้าวฟ่าง, ข้าวบาร์เลย์, โจ๊กผอม
• พันธุ์ปลาที่อุดมสมบูรณ์ เนื้อสัตว์รมควันปลากระป๋องหมักดอง
• ผลไม้ตระกูลถั่ว
• มักกะโรนีและผลิตภัณฑ์จากพวกเขา ก๋วยเตี๋ยวพาสต้า
• ซุปบนน้ำซุปที่แข็งแกร่งและไขมัน ซุปนม
• ผลไม้อบแห้ง
• น้ำผึ้งแยมแยมขนมเค้ก
• เครื่องเทศ
• เห็ดสดและแห้ง
• เครื่องดื่มอัดลมและเย็น kvas น้ำผลไม้เปรี้ยว
• การเก็บรักษาผักและผลไม้
• หัวหอมและกระเทียม

หากมีคำถามพวกเขาควรได้รับการแก้ไขโดยขอให้แพทย์ของคุณ