นักวิทยาศาสตร์อ้างว่าการติดยาเสพติดเป็นโรคทางสมองเรื้อรัง

การติดยาเป็นโรค ทางสมองเรื้อรังตามคำจำกัดความใหม่ของ American Society for Addiction Medicine และรายงานของ USA Today แพทย์ระบุว่าไม่ใช่แค่แอลกอฮอล์และยาเสพติดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพนันและการรับประทานอาหารมากเกินไปด้วย ดังนั้นการรักษาการติดยาจึงใช้เวลานานเช่นเดียวกับโรคเรื้อรังอื่นๆ

สิ่งพิมพ์ดังกล่าวอ้างคำพูดของดร. โนรา โวลโคว์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการปราบปรามยาเสพติดว่า “ปัญหาด้านพฤติกรรมเป็นผลมาจากความเสียหายของสมอง และความเสียหายของสมองจะคงอยู่ต่อไปอีกหลายปีหลังจากที่บุคคลนั้นหยุดใช้ยาเสพติด”

สมองเป็นกลไกที่ซับซ้อนของรูปแบบอารมณ์ความคิดและพฤติกรรม กระบวนการนี้ได้รับอิทธิพลจากพันธุกรรม (ผู้ที่ทดลองใช้ยาในช่วงวัยรุ่นหรือใช้ยาแก้ปวดแรงๆ หลังจากได้รับบาดเจ็บจะเสี่ยงต่อการติดยามากกว่า) อายุ (กลีบหน้าผากซึ่งช่วยหยุดพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพเป็นกลีบสุดท้ายที่จะเติบโตเต็มที่ ดังนั้นวัยรุ่นจึงเลิกเสพติดได้ยากกว่า) และความจริงที่ว่าพวกเขาใช้แอลกอฮอล์หรือยาเสพติดเพื่อรับมือกับความเครียด โดพามีนในไฮโปทาลามัสสร้างความเชื่อมโยงระหว่างการเสพสิ่งใดสิ่งหนึ่งและการได้รับความสุข ซึ่งยังคงอยู่แม้ว่าการใช้สารเหล่านี้จะไม่ก่อให้เกิดความสุขอีกต่อไปเนื่องจากติดยา

ผู้เชี่ยวชาญด้านการติดยาเสพติดกล่าวว่า การเข้าใจว่าปฏิกิริยาของสมองบางอย่างเป็นต้นตอของปัญหาการติดยาเสพติดน่าจะช่วยเอาชนะการตีตราทางสังคมได้

[ 1 ], [ 2 ], [ 3 ], [ 4 ]