จะได้วินิจฉัยอาการบวมน้ำได้ง่ายขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาวิธีการใหม่ในการวินิจฉัยอาการบวมน้ำโดยใช้เทคนิคการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบสนามแสงกว้าง (Capillaroscopic)และวิธีการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบเลเซอร์สแกน

สาระสำคัญของการพัฒนาใหม่ล่าสุดและเป็นที่ต้องการมากที่สุดนั้นได้รับการอธิบายไว้โดยผู้เชี่ยวชาญในวารสารวิทยาศาสตร์ Diagnostics

จนถึงปัจจุบัน แพทย์ที่ประกอบวิชาชีพไม่สามารถใช้การวินิจฉัยเชิงปริมาณและระบุระดับอาการบวมน้ำ ประเมินการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกโดยละเอียดในกลุ่มอาการบวมน้ำได้ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโกได้เริ่มพัฒนาวิธีการต่างๆ ที่ช่วยให้สามารถประเมินลักษณะของอาการบวมน้ำได้อย่างแม่นยำโดยใช้กล้องจุลทรรศน์แบบออปติคอล

“เราสามารถสาธิตให้เห็นว่าสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว ค่าทางสัณฐานวิทยาที่สะท้อนออกมาในระหว่างการส่องกล้องหลอดเลือดสามารถนำมาใช้เพื่ออธิบายอาการบวมน้ำในระยะยาวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางของส่วนหลอดเลือดฝอยเปลี่ยนผ่านและขนาดของส่วนรอบหลอดเลือดนั้นมีความสำคัญเป็นพิเศษ เมื่อตรวจร่างกายผู้ที่มีสุขภาพดี เราใช้แบบจำลองสองแบบของอาการบวมน้ำในระยะสั้นและไม่พบการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใดๆ ในค่าของหลอดเลือดฝอย แต่ในสถานการณ์ที่กล่าวถึง เราสังเกตเห็นการลดลงอย่างชัดเจนในคุณภาพของภาพหลอดเลือดฝอย ซึ่งเกิดจากการสะสมของความชื้นในชั้นหนังกำพร้า” หนึ่งในผู้เขียนการศึกษากล่าวอธิบาย

เพื่อยืนยันผลลัพธ์ที่ได้ นักวิทยาศาสตร์ใช้กล้องจุลทรรศน์แบบคอนโฟคัล ซึ่งให้ความคมชัดที่ดีที่สุดและการขยายพื้นที่อย่างเข้มข้นในระหว่างการมองเห็นเนื้อเยื่อ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าในกรณีที่มีอาการบวมน้ำ บริเวณปุ่มรับเลือด-ผิวหนังจะมีภาวะหักเหของแสงน้อยลง (การสะท้อนของรังสีออปติกลดลง) ซึ่งส่งผลให้ความคมชัดของภาพลดลง สถานการณ์ที่คล้ายกันนี้พบในผู้ที่รับการบำบัดด้วยการให้สารน้ำทางเส้นเลือด ดังนั้น เทคนิคการวินิจฉัยที่เสนอนี้จึงช่วยในการประเมินพลวัตของกลุ่มอาการอาการบวมน้ำในบริเวณรอบหลอดเลือดฝอย

ปัญหาของการปรับปรุงการวินิจฉัยอาการบวมน้ำมีมานานแล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาวิธีการใหม่ๆ สำหรับการตรวจทางคลินิกที่เข้าถึงได้และเชื่อถือได้สำหรับผู้ป่วยมาหลายปีแล้ว การสะสมของของเหลวบวมน้ำในช่องว่างระหว่างเซลล์สามารถสังเกตได้ทุกที่ในสภาวะทางพยาธิวิทยาต่างๆ รวมถึงภาวะหัวใจล้มเหลว กระบวนการอักเสบ ภาวะต่อมน้ำเหลืองทำงานผิดปกติ วิธีการที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้จะช่วยให้แพทย์ที่ปฏิบัติงานสามารถประเมินระดับและพลวัตของอาการบวมน้ำได้อย่างแม่นยำ ก่อนหน้านี้ วิธีการวินิจฉัยที่คล้ายกันนี้ไม่มีให้ใช้ และแพทย์ต้องจำกัดตัวเองให้ทำได้เฉพาะการตรวจร่างกายเท่านั้น