ยาตัวแรกในกลุ่มอาจป้องกันภาวะอวัยวะล้มเหลวและการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดได้

ยาตัวใหม่สามารถป้องกันภาวะอวัยวะล้มเหลวและการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดได้ด้วยการฟื้นฟูสุขภาพหลอดเลือดของผู้ป่วย

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์และโรงพยาบาลเด็กควีนส์แลนด์ประสบความสำเร็จในการทดสอบยาประเภทใหม่ในหนู

ดร. มาร์ค คูลธาร์ด จากหน่วยดูแลผู้ป่วยหนักเด็กและโรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ กล่าวว่าผลลัพธ์จากการทดลองก่อนทางคลินิกโดยใช้ตัวอย่างเลือดมนุษย์ก็ดูมีแนวโน้มดีเช่นกัน

สาเหตุของภาวะอวัยวะล้มเหลวในผู้ป่วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือดคือ เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดกลายเป็นเซลล์ที่สามารถผ่านเข้าไปได้ ส่งผลให้ของเหลวเคลื่อนตัวผิดปกติ และสุดท้ายก็หยุดการส่งเลือดไปเลี้ยง

เราได้ระบุเครื่องหมายของการบาดเจ็บของหลอดเลือดในเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยมีไข้และสงสัยว่ามีการติดเชื้อ ตลอดจนเส้นทางการส่งสัญญาณโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ในเซลล์

ยาที่เราพัฒนาขึ้นนั้นมุ่งเป้าไปที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างทางเดินเหล่านี้เพื่อฟื้นฟูการทำงานของเซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือด" ดร. มาร์ค คูลธาร์ด กล่าว

ศาสตราจารย์เทรนต์ วูดรัฟ จากคณะวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ กล่าวว่า แนวทางใหม่นี้มุ่งเป้าไปที่สาเหตุของภาวะอวัยวะล้มเหลว ในขณะที่ความพยายามที่ไม่ประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน

"ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดถูกเรียกว่า 'สุสานของบริษัทผลิตยา' เนื่องจากแม้จะมีทรัพยากรมากมายและมีการทดลองทางคลินิกมากกว่า 100 ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการรักษาที่มีประสิทธิผลที่สามารถปรับเปลี่ยนการตอบสนองของร่างกายได้" ศาสตราจารย์วูดรัฟกล่าว

“ยาที่มุ่งเป้าไปที่เยื่อบุผนังหลอดเลือดอาจช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ความเสียหายของอวัยวะ และการเสียชีวิตได้”

ดร. คูลธาร์ดกล่าวว่านักวิจัยได้รับกำลังใจจากผลการทดลองก่อนทางคลินิก

“เราทดสอบยาของเราในตัวอย่างเลือดจากเด็ก 91 รายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากมีไข้และสงสัยว่าจะติดเชื้อ และสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของไบโอมาร์กเกอร์ที่คล้ายกับที่พบในการศึกษาหนูของเรา” เขากล่าว

"ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายาตัวดังกล่าวอาจมีประสิทธิผลกับมนุษย์ด้วยเช่นกัน

จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม รวมถึงศึกษายาในสัตว์ทดลองรูปแบบอื่นและประสิทธิผลของยาในการทดลองทางคลินิก”

การศึกษานี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Science Translational Medicine