ทำไมต่อมน้ำเหลืองจึงโตหลังจากการฉีดวัคซีนป้องกันโคโรนาไวรัส?

ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้โตเป็นอาการทั่วไปที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นว่าผลที่ตามมาไม่ใช่ภาวะแทรกซ้อน แต่ควรมองว่าเป็นอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นตามปกติ (โดยผู้ป่วยจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยาอื่น ๆ ในต่อมน้ำนม) คำแนะนำทางการแพทย์ที่คล้ายกันนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Radiologists (AJR) ซึ่งเป็นวารสารที่มีชื่อเสียง

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส ได้ตรวจสอบบันทึกทางการแพทย์ดิจิทัลของผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา Moderna และ Pfizer/BioNTech อย่างละเอียดถี่ถ้วน ผู้หญิงทุกคนได้รับการวินิจฉัยทางเต้านมในช่วงการทดลอง ซึ่งในระหว่างนั้น ได้มีการกำหนดขนาด โครงสร้าง และความหนาแน่นของต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ นอกจากนี้ ยังมีการทำอัลตราซาวนด์และการถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อีกด้วย

จากผลการทดลอง พบว่าต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้โตในผู้หญิงมากกว่า 20 รายที่มีอายุต่างกัน ตั้งแต่ 28 ถึง 70 ปี ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโตจากด้านที่ได้รับวัคซีน ขณะเดียวกัน ผู้ป่วยร้อยละ 13 บ่นว่ารู้สึกไม่สบายบริเวณใต้รักแร้และต่อมน้ำนม (ปวดเมื่อย รู้สึกเหมือนถูกกดทับ และเนื้อเยื่อถูกกดทับ) ส่วนผู้หญิงที่เหลือไม่มีอาการไม่พึงประสงค์ใดๆ พวกเธอทราบเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลืองโตเฉพาะในระหว่างการวินิจฉัยหรือการศึกษาควบคุมเท่านั้น

ระยะเวลาระหว่างการให้วัคซีนป้องกันโคโรนาไวรัสเข็มแรกกับการตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโตคือหลายวัน (โดยเฉลี่ยตั้งแต่ 2 วันถึง 4 สัปดาห์) ผู้หญิงส่วนใหญ่ (มากกว่าครึ่งหนึ่ง) มีต่อมน้ำเหลืองโตผิดปกติเพียงต่อมเดียว

หลังจากการตรวจเต้านม ผู้เชี่ยวชาญได้ใช้คำอธิบายของการเปลี่ยนแปลงที่ตรวจพบและประเมินโดยใช้ระบบ Bi-RADS (ระบบตีความและรายงานการวินิจฉัยต่อมน้ำนม) ผู้ป่วย 1 รายถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Bi-RADS 2 (ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ร้ายแรงเท่านั้น) สตรี 21 รายถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Bi-RADS 3 (การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่ไม่ร้ายแรง โดยแนะนำให้ตรวจซ้ำภายใน 4-24 สัปดาห์) สตรี 1 รายถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Bi-RADS 4 (สงสัยว่าเป็นมะเร็ง) ในขณะที่ประวัติการรักษาของเธอบ่งชี้ว่าเธอเคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน จากผลการตรวจชิ้นเนื้อ ผู้ป่วยรายนี้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นลิมฟอยด์ไฮเปอร์พลาเซียแบบตอบสนอง

ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ที่ด้านที่ฉีดวัคซีนมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยที่ต่อมน้ำนมไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยาอื่นๆ เกิดขึ้น อาจอธิบายได้ว่าเป็นการตอบสนองของร่างกายชั่วคราว สิ่งสำคัญคือแพทย์ต้องตีความปฏิกิริยานี้ให้ถูกต้อง เพราะในกรณีนี้ การสั่งตัดชิ้นเนื้อจะไร้เหตุผล

แหล่งที่มาของข้อมูล: วารสารรังสีวิทยา AJR