ความทนทานต่อความเครียดต่ำมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดโรคสะเก็ดเงิน

คนหนุ่มสาวที่รับมือกับความเครียดได้ยากกว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคสะเก็ดเงินในภายหลังจากการศึกษาวิจัยขนาดใหญ่ที่อิงตามทะเบียนของมหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์ก พบว่า ผู้ที่มีความอดทนต่อความเครียดต่ำเมื่อเข้ารับราชการทหารมีความเสี่ยงที่จะเป็น โรคสะเก็ดเงิน เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับผู้ที่มีความอดทนต่อความเครียดสูง

การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารของ European Academy of Dermatology and Venereologyได้ใช้ข้อมูลจากชายชาวสวีเดนกว่า 1.6 ล้านคนที่เข้าร่วมกองทัพระหว่างปี พ.ศ. 2511 ถึง พ.ศ. 2548

ในขั้นตอนการลงทะเบียน ผู้ชายทุกคนจะต้องเข้ารับการประเมินทางจิตวิทยาอย่างเข้มงวด จากการประเมินนี้ นักวิจัยได้แบ่งข้อมูลความสามารถในการทนต่อความเครียดของผู้ชายออกเป็น 3 ระดับ โดยผู้ชาย 1 ใน 5 (20.4%) อยู่ในกลุ่มที่ต่ำที่สุด และผู้ชายอีก 1 ใน 5 (21.5%) อยู่ในกลุ่มที่อยู่ในระดับสูงสุด โดยผู้ชายมากกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในกลุ่มระดับกลาง

จากนั้นข้อมูลของผู้ชายจะถูกอ้างอิงไขว้กับทะเบียนอื่นๆ ทะเบียนผู้ป่วยแห่งชาติจะถูกใช้เพื่อรับรหัสการวินิจฉัยโรคสะเก็ดเงินและโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน

ต่อมามีผู้ชายประมาณ 36,000 คนเป็นโรคสะเก็ดเงินหรือโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน ผู้ที่มีความอดทนต่อความเครียดต่ำมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสะเก็ดเงินเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับผู้ที่มีความอดทนต่อความเครียดสูง

โรคสะเก็ดเงินและโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินที่รุนแรงกว่ามักสัมพันธ์กับความเครียดเป็นพิเศษ สำหรับการวินิจฉัยในโรงพยาบาล พบว่าการทนต่อความเครียดต่ำหมายถึงความเสี่ยงต่อโรคสะเก็ดเงินสูงขึ้น 79% และความเสี่ยงต่อโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินสูงขึ้น 53% เมื่อเทียบกับผู้ที่มีการทนต่อความเครียดสูง

ความอ่อนไหวทางจิตวิทยา

นี่เป็นการศึกษาครั้งแรกที่สนับสนุนสมมติฐานที่ว่าความไวต่อความเครียดเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคสะเก็ดเงิน เนื่องจากโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคอักเสบเรื้อรังในระบบ ดังนั้นความเกี่ยวข้องกับความเครียดอาจเกิดจากการตอบสนองต่อการอักเสบที่เพิ่มขึ้นในร่างกาย

“เราได้แสดงให้เห็นแล้วว่าความทนทานต่อความเครียดต่ำในวัยรุ่นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดโรคสะเก็ดเงินได้ อย่างน้อยก็ในผู้ชาย” มาร์ตา ลาสก์อฟสกี้ นักศึกษาปริญญาเอกสาขาผิวหนังที่มหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์กและแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย Sahlgrenska ผู้เขียนหลักของการศึกษากล่าว

“ผลการศึกษาของเราบ่งชี้ว่าผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินมีความผิดปกติทางจิตใจที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์จะต้องใส่ใจกับสุขภาพจิตของผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินด้วย”

ในการประมาณความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น นักวิจัยได้คำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ดัชนีมวลกาย (BMI) และปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้สามารถอธิบายการสูบบุหรี่ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทราบกันดีของโรคสะเก็ดเงินได้โดยอ้อมเท่านั้น นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าจุดอ่อนอย่างหนึ่งของการศึกษานี้คือ มีการทดสอบความอดทนต่อความเครียดเพียงครั้งเดียว เมื่อเข้าร่วมการศึกษาเมื่อผู้ชายมีอายุ 18 ปี

มาร์ธาเสริมว่า “การทนต่อความเครียดอาจแตกต่างกันไปตามช่วงชีวิต อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้มีโอกาสศึกษาการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้”