การดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มโอกาสในการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน

การศึกษาวิจัยใหม่ระบุว่ายิ่งดื่มแอลกอฮอล์มากเท่าไร ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันมากขึ้นเท่านั้น การแพร่ระบาดของ เชื้อ เอชไอวีส่วนใหญ่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย และเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้โรคนี้แพร่ระบาดไปทั่วโลก

จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปและการแพร่กระจายของการติดเชื้อเอชไอวี นักวิทยาศาสตร์ยังคงไม่เชื่อมั่นในสมมติฐานที่ว่าการดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การแสวงหาความตื่นเต้น และแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมเสี่ยงโดยทั่วไป

การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Addiction นำเสนอผลการทดลอง 12 ครั้งที่วิเคราะห์ความสัมพันธ์แบบเหตุและผลนี้

นักวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบผลการศึกษาและพบว่าการดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อความเหมาะสมของการตัดสินใจ ทุกคนรู้ดีว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากทำให้การตัดสินใจที่สมเหตุสมผลลดน้อยลงและทำให้ผู้คนละเลยข้อห้ามต่างๆ

ผู้เข้าร่วมการศึกษาได้รับการสุ่มเลือกว่าจะดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ดื่ม จากนั้นจึงวิเคราะห์ความตั้งใจที่จะมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย

การเพิ่มขึ้นของระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 0.1 มก./มล. ส่งผลให้ความเสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันเพิ่มขึ้น 5.0% (95% CI: 2.8% - 7.1%)

ดร. เจ. เรห์ม หัวหน้าโครงการกล่าวว่า "การดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อโอกาสในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ดังนั้นจึงควรนำไปพิจารณาเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันเอชไอวี"

ประชาชนทั่วไปไม่เชื่อว่าการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์มากขึ้น ดังนั้น การรณรงค์ให้ข้อมูลสาธารณะและโปรแกรมการป้องกันจึงควรเน้นที่ความแตกต่างเหล่านี้

การลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เพียงช่วยป้องกันการเกิดความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน แต่ยังช่วยลดโอกาสในการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันอีกด้วย จึงช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่ได้