การมีเพศสัมพันธ์เป็นประจำก่อนตั้งครรภ์สามารถช่วยให้คุณมีทารกที่แข็งแรงได้

นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียจากมหาวิทยาลัยแห่งแอดิเลด นำโดยดร. ซาราห์ โรเบิร์ตสัน ได้ทำการวิจัยและพบว่าการมีเพศสัมพันธ์ เป็นประจำ ช่วยเพิ่มโอกาสในการมีทารกที่แข็งแรง

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าคู่รักที่กำลังวางแผนจะมีลูกควรมีเพศสัมพันธ์เป็นประจำก่อนตั้งครรภ์เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ซึ่งร่างกายถือเป็นการทดสอบที่สำคัญ

ตามที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวไว้ ภูมิคุ้มกันของผู้หญิงจะแข็งแกร่งขึ้นโดยน้ำอสุจิของผู้ชาย

“เราพบว่าเพื่อให้การตั้งครรภ์มีสุขภาพดี คู่รักต้องมีเพศสัมพันธ์กันประมาณ 3 ถึง 6 เดือนก่อนหน้านั้น” ศาสตราจารย์โรเบิร์ตสันกล่าว “ในช่วงเวลานี้ ระบบภูมิคุ้มกันของผู้หญิงจะแข็งแรงขึ้นและตอบสนองต่อกระบวนการตั้งครรภ์ได้อย่างเหมาะสม”

คู่รักบางคู่ต้องใช้เวลาหนึ่งปีจึงจะตั้งครรภ์ได้ ในขณะเดียวกัน การตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจที่เกิดจากความสัมพันธ์ระยะสั้นก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตรและความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์เป็นพิษ รวมถึงร่างกายของแม่จะปฏิเสธทารกในครรภ์

นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองกับหนูและพบว่ายิ่งแม่สัมผัสกับน้ำอสุจิบ่อยเท่าไร จำนวนเซลล์ T ภูมิคุ้มกันที่ปกป้องทารกในครรภ์จากการปฏิเสธจากร่างกายของผู้หญิงก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ทารกในครรภ์เป็นเนื้อเยื่อแปลกปลอมของร่างกาย และเพื่อให้ร่างกายยอมรับได้ จำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกัน ซึ่งคล้ายกับกรณี การปลูก ถ่ายอวัยวะ

เมื่อผู้หญิงได้สัมผัสกับอสุจิของพ่อเป็นประจำ ซึ่งถือเป็นสัญญาณทางภูมิคุ้มกันที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ชาย ร่างกายก็จะเตรียมพร้อมและ "ไม่ต่อต้าน" ทารกในครรภ์ได้

“เรื่องนี้ไม่สำคัญต่อการตั้งครรภ์มากเท่ากับสุขภาพของการตั้งครรภ์” นักวิทยาศาสตร์กล่าว

ในสหราชอาณาจักร คู่รัก 1 ใน 6 คู่ประสบปัญหาในการตั้งครรภ์ และหากพวกเขาไม่สามารถมีลูกได้หลังจากพยายามมา 2 ปี พวกเขาอาจได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะมีบุตรยาก

การแท้งบุตรเกิดขึ้นบ่อยกว่าที่หลายคนคิด ประมาณ 1 ใน 8 ของการแท้งบุตรเกิดขึ้นก่อนที่ผู้หญิงจะรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ และยังมีอีกหลายครั้งที่การแท้งบุตรเกิดขึ้นก่อนที่เธอจะรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ด้วยซ้ำ

[ 1 ], [ 2 ], [ 3 ]