WHO เรียกร้องให้ปรับราคาบุหรี่ขึ้น

องค์การอนามัยโลกระบุในรายงานล่าสุดฉบับหนึ่งว่า ประเทศต่างๆ ล้วนประเมินการขึ้นอัตราภาษีสำหรับผลิตภัณฑ์ยาสูบต่ำเกินไปโดยไม่ยกเว้น เนื่องจากถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปราบปรามการสูบบุหรี่ ซึ่งนำไปสู่อัตราการเสียชีวิตที่สูงและการจัดสรรงบประมาณสำหรับบริการด้านสุขภาพไม่เพียงพอ

รายงานในปีนี้เกี่ยวกับการใช้บุหรี่อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในบางประเทศ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการขึ้นภาษีผลิตภัณฑ์ยาสูบ แม้ว่าปัจจุบันมีประเทศมากกว่า 30 ประเทศที่เก็บภาษีบุหรี่เท่ากับร้อยละ 75 หรือมากกว่าของราคาขายปลีกหนึ่งซองแล้ว แต่ประเทศส่วนใหญ่ก็เก็บภาษีในอัตราต่ำมาก และบางประเทศก็ไม่มีการเก็บภาษีดังกล่าวเลย

ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าการเพิ่มภาษีผลิตภัณฑ์ยาสูบเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการต่อสู้กับการสูบบุหรี่ตามที่มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าว แม้ว่าธุรกิจยาสูบจะสร้างกำไรมหาศาล แต่การสูบบุหรี่กลับนำไปสู่การเสียชีวิตอย่างเจ็บปวดของผู้คนนับล้าน ดังนั้น จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่รัฐบาลของทุกประเทศจะต้องตระหนักถึงความจำเป็นในการยึดมั่นในนโยบายนี้

องค์การอนามัยโลกได้พัฒนากลยุทธ์ต่างๆ มากมายเพื่อลดความต้องการบุหรี่ เช่น แพ็คเกจ MPOWER ที่พัฒนาขึ้นในปี 2551 ซึ่งช่วยชีวิตคนได้หลายล้านคนนับตั้งแต่เริ่มมีการเปิดตัว

รายงานระบุว่าไม่ใช่ทุกประเทศที่ใช้มาตรการต่อต้านการสูบบุหรี่ เช่น การขึ้นภาษี ดังนั้น มาตรการของรัฐบาลในเรื่องนี้จึงลดลงเหลือศูนย์ ตั้งแต่ปี 2551 มีอีก 11 ประเทศที่ใช้กฎหมายเพิ่มอัตราภาษีผลิตภัณฑ์ยาสูบ และได้เข้าร่วมกับประเทศอื่นๆ ที่เคยจัดเก็บภาษีผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ในอัตราสูงก่อนปี 2551 และมีเปอร์เซ็นต์ผู้สูบบุหรี่ต่ำ

ดักลาส แบนท์เชอร์ หัวหน้าแผนกปราบปรามโรคไม่ติดต่อเรื้อรังขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การเพิ่มภาษีและการปรับราคาบุหรี่เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการปราบปรามการสูบบุหรี่

ข้อมูลจากจีนและฝรั่งเศสแสดงให้เห็นชัดเจนว่าการขึ้นราคาบุหรี่ส่งผลให้ผู้สูบบุหรี่น้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ลดลง

นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการขจัดเส้นทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ผิดกฎหมายโดยเฉพาะเพื่อต่อสู้กับตลาดที่ผิดกฎหมาย

ภาษีจากการขายผลิตภัณฑ์ยาสูบเป็นแหล่งเงินทุนหลักของภาคส่วนสาธารณสุข

โรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ถือเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชนที่แพร่หลายที่สุด จากสถิติพบว่าการสูบบุหรี่ทำให้เกิดโรคที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกประมาณ 6 ล้านคนต่อปี (1 คนทุก 6 วินาที) ในอีก 15 ปีข้างหน้า ตัวเลขนี้อาจเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านคนหากไม่มีการดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของยาสูบ

นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอด และโรคเบาหวานอีกด้วย

นอกจากนี้ การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง