สหภาพยุโรปตั้งใจที่จะจัดเก็บภาษีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเครื่องบินทั้งหมด

เศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วอยู่ระหว่างช่วงขอบเหวของสงครามการค้าหลังจากที่สหภาพยุโรปพยายามที่จะเรียกเก็บภาษีคาร์บอนกับเครื่องบินทุกลำที่ขึ้นหรือลงภายในกลุ่ม

หากผ่าน กฎหมายนี้จะเป็นบทลงโทษทางการเงินฉบับแรกที่จะนำไปใช้กับผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ในวันที่ 1 มกราคม สหภาพยุโรปมีแผนที่จะให้สายการบินระหว่างประเทศเข้าร่วมในระบบการซื้อขายการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งหมายความว่าจะต้องซื้อสิทธิ์ในการปล่อยก๊าซคาร์บอน ประเทศต่างๆ เช่น บราซิล อินเดีย สหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน และรัสเซีย ได้ออกมากล่าวต่อต้านกฎหมายฉบับนี้แล้ว ซึ่งพวกเขากล่าวว่ากฎหมายดังกล่าวละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติให้ไม่รวมสายการบินของสหรัฐฯ เข้าในระบบของสหภาพยุโรป ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามาอาจลงนามในข้อเสนอนี้เพื่อให้เป็นกฎหมาย

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2540 สหประชาชาติได้เริ่มควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการบิน แต่ความพยายามนี้ล้มเหลวเนื่องจากได้รับการประท้วงอย่างหนักจากสายการบินต่างๆ เกี่ยวกับการคุกคามสายการบิน

ผู้เขียนรายงานของธนาคารโลกเรื่อง "การระดมเงินทุนเพื่อสภาพอากาศ" โต้แย้งว่าข้อเสนอการเก็บภาษีคาร์บอนจากการปล่อยมลพิษของเครื่องบินเป็นข้อเสนอที่ไม่ยุ่งยากเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ตามมา

ดังนั้นการเก็บภาษี 25 เหรียญสหรัฐต่อตันจะทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินเพิ่มขึ้นเพียง 2-4 เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะลดลง 5-10% เนื่องมาจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่เส้นทางที่ประหยัดกว่าและความเร็วของเครื่องบินมากขึ้น การยกเลิกการออกแบบเก่าๆ เป็นต้น

โปรดทราบว่าจำนวนภาษีที่เสนอจริงจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาด ETS ปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 15 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

เรามาจำไว้ว่าเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554 รัฐบาลเดนมาร์กได้ประกาศเก็บภาษีอาหารที่มีไขมัน