ระดับน้ำตาลในเลือดสูงในเบาหวานขณะตั้งครรภ์เป็นอันตรายต่อแม่และทารก

ยิ่งระดับน้ำตาลในเลือดของหญิงตั้งครรภ์สูงขึ้นเมื่อได้รับการวินิจฉัยโรคเบาหวานในครั้งแรก ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างและหลังคลอดบุตรก็จะสูงขึ้น ตามผลการศึกษาที่นำเสนอในการประชุมวิชาการด้านต่อมไร้ท่อแห่งยุโรป ครั้งที่ 26ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-14 พฤษภาคม ที่เมืองสตอกโฮล์ม

สำหรับระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 มก./ดล. เหนือเกณฑ์การวินิจฉัย ความเสี่ยงของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในทารกแรกเกิดหรือน้ำหนักแรกเกิดสูงจะเพิ่มขึ้น 9% และ 6% ตามลำดับ ในขณะที่ความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานหลังคลอดจะเพิ่มขึ้น 31% ในมารดา ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าสตรีที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ควรได้รับการจำแนกประเภทให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเพื่อจำกัดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้สำหรับมารดาและทารกแรกเกิด

เบาหวานขณะตั้งครรภ์เป็นภาวะที่ผู้หญิงมีระดับน้ำตาลในเลือดหรือกลูโคสสูงในระหว่างตั้งครรภ์ โรคนี้ส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ประมาณ 20 ล้านครั้งทั่วโลกและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้นสำหรับทั้งแม่และทารก ตัวอย่างเช่น แม่มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ได้มากกว่าและทารกจะมีขนาดตัวใหญ่เป็นพิเศษ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับบาดเจ็บขณะคลอดหรือแม้กระทั่งเป็นโรคอ้วนในภายหลัง

สตรีจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์หากระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารมากกว่า 92 มก./ดล. ในไตรมาสแรก หรือระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง (OGTT) มากกว่า 153 มก./ดล. ในไตรมาสที่สอง

ในการศึกษาครั้งนี้ นักวิจัยจากศูนย์โรงพยาบาล Tamega i Sousa ในประเทศโปรตุเกสได้วิเคราะห์ข้อมูลระดับน้ำตาลในเลือดและภาวะแทรกซ้อนขณะคลอดในหญิงตั้งครรภ์จำนวน 6,927 รายที่มีอายุระหว่าง 30–37 ปี ซึ่งตั้งครรภ์ทารกเพียงคนเดียวและได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ระหว่างปี 2012 ถึง 2017

นักวิจัยพบว่าการเพิ่มขึ้น ของระดับน้ำตาลในเลือดทุกๆ 5 มก./ดล. ความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ( hypoglycemia ) และภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเกินอายุครรภ์ (LGA) ในทารกแรกเกิดจะเพิ่มขึ้น 9% และ 6% ตามลำดับ และความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูงในมารดาหลังคลอดจะเพิ่มขึ้น 31%

“แม้ว่าจะไม่น่าแปลกใจที่ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงมักเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ต่อมารดาและทารกแรกเกิด แต่การศึกษาของเราแสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกว่าความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมากเพียงใดเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของมารดาเพิ่มขึ้น 5 มก./ดล. ในการวินิจฉัยเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรก” ดร. Catarina Cidade-Rodrigues ผู้เขียนร่วมการศึกษากล่าว

ดร. Cidade-Rodrigues กล่าวต่อว่า “ขนาดของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสามารถคำนวณได้โดยใช้การวัดของเรา และสามารถใช้ในการปฏิบัติเพื่อระบุและแบ่งกลุ่มผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้”

“ขณะนี้ เราต้องการประเมินว่าการแบ่งกลุ่มผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูงต่อเบาหวานขณะตั้งครรภ์เพิ่มเติมนั้นมีประโยชน์หรือไม่ โดยผู้หญิงกลุ่มใดจะต้องได้รับการตรวจติดตามอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น และผู้หญิงกลุ่มใดควรได้รับการแทรกแซงทางเภสัชวิทยาอย่างเหมาะสม ซึ่งอาจช่วยลดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการคลอดบุตรและในทารกแรกเกิด และป้องกันโรคเบาหวานในอนาคตในผู้หญิงกลุ่มดังกล่าวได้”