มลพิษทางสิ่งแวดล้อมจากการขนส่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน

นักวิทยาศาสตร์ชาวเดนมาร์กกล่าวว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศจากการคมนาคมขนส่งสูง อาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้น

พวกเขาพบว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองที่มีไนโตรเจนไดออกไซด์ในระดับสูง ซึ่งแหล่งที่มาหลักคือควันไอเสีย มีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานสูงกว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศสะอาดร้อยละ 4

การศึกษาก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงต่อผลกระทบอันเป็นอันตรายของมลพิษทางอากาศมากกว่าคนที่มีสุขภาพดี

ผลการศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Diabetes Care ถือเป็นผลการศึกษาที่ครอบคลุมที่สุดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามลพิษทางอากาศอาจส่งผลต่อโรคเบาหวานได้

“ซึ่งแตกต่างจากการศึกษาครั้งก่อนๆ งานนี้ยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่าคนที่มีสุขภาพแข็งแรงอาจมีความอ่อนไหวต่อผลกระทบของมลพิษทางอากาศมากกว่า ซึ่งต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมในหัวข้อนี้” Zorana J. Andersen ผู้เขียนการศึกษากล่าว

ทีมนักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ข้อมูลจากประชากรเกือบ 52,000 คนจากสองเมืองใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก ในช่วงเวลาหนึ่งทศวรรษ มีผู้คน 3,000 คน (5.5%) ที่มีอายุระหว่าง 50 ถึง 65 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานเมื่อเริ่มต้นการศึกษา

นอกจากนี้ ยังมีการประเมินความเข้มข้นของไนโตรเจนไดออกไซด์กลางแจ้งใกล้บ้านของผู้เข้าร่วมการศึกษาด้วย

นอกจากการได้รับมลพิษในอากาศแล้ว ปัจจัยต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่ เพศ และอายุ ล้วนส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเกิดโรคเบาหวาน โดยยังคงเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญที่สุดของความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้

เมื่อพิจารณาปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดในการเป็นโรคโรคเบาหวาน นักวิทยาศาสตร์ได้สรุปว่ามลพิษทางอากาศจะเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคนี้ได้ 4%

“ผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อการเกิดโรคเบาหวานนั้นมีมากขึ้นในผู้หญิง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความอ่อนไหวต่อมลพิษทางอากาศของผู้หญิงที่มากกว่า” แอนเดอร์เซนเสนอ

ก่อนหน้านี้ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์รายงานว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางถนนในระดับสูง มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมองเพิ่ม ขึ้น

[ 1 ], [ 2 ], [ 3 ], [ 4 ], [ 5 ], [ 6 ], [ 7 ], [ 8 ]