ลูกสาวตัวน้อยช่วยชีวิตพ่อของเธอจากอาการอัมพาต

ผู้ป่วยที่ติดอยู่ในร่างกายของตัวเองสามารถพูดและเดินได้อีกครั้ง โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวและคำพูดของลูกสาวตัวน้อยของเขา เรื่องราวนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างวิธีการฟื้นฟูใหม่ๆ ให้กับผู้ป่วยเหล่านี้

เมื่ออายุได้ 22 ปี มาร์ก เอลลิส ชาวอังกฤษเกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตกอย่างรุนแรง ส่งผลให้ร่างกายของเขาเป็นอัมพาตไปทั้งตัว มีเพียงสมองของมาร์กเท่านั้นที่ยังทำงานได้ปกติ ชายหนุ่มคนนี้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขาไม่สามารถพูดหรือทำอะไรได้เลย ผู้ป่วยเหล่านี้มักถูกเรียกว่าเป็นเหยื่อของอาการหลงทาง และพวกเขาสื่อสารกับโลกภายนอกได้โดยการกระพริบตาเท่านั้น

โรคหลอดเลือดสมองเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่เอมี ภรรยาวัย 32 ปีของมาร์กจะคลอดลิลี่-โรส ลูกสาวของพวกเขา แต่ตอนนี้คุณพ่อลูกอ่อนสามารถสื่อสารกับลูกได้เพียงผ่านการเคลื่อนไหวของดวงตาเท่านั้น แพทย์ได้ทำการรักษาให้มาร์กอยู่ในอาการโคม่า โดยบอกกับครอบครัวของมาร์กว่าโอกาสที่จะฟื้นตัวมีน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยรายนี้สามารถฟื้นตัวกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง

หลังจากผ่านไปเพียงแปดเดือน เขาก็ออกจากโรงพยาบาลและกลับบ้านด้วยเท้าของตัวเอง ลิลลี่-โรสมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งนี้ ทันทีที่มาร์กเริ่มเคลื่อนไหวได้อ่อนแรงและส่งเสียงไม่ชัดเจนด้วยความพยายามของนักกายภาพบำบัดและผู้เชี่ยวชาญด้านการพูด แพทย์จึงตัดสินใจว่าเขาจะสามารถเรียนรู้การพูดและการเคลื่อนไหวไปพร้อมกับลูกสาวของเขา ซึ่งเธอเองก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้เนื่องจากอายุของเธอ

คนไข้พูดซ้ำทุกเสียงที่เด็กพูด เมื่อเธอเริ่มพูดคำแรกๆ ได้ มาร์กก็เริ่มทำเช่นเดียวกัน เขาสามารถออกเสียงคำว่า “แม่” และ “ฉันต้องการ” ได้เกือบจะพร้อมกันกับลูกสาว พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวก็เหมือนกันทุกประการ ไม่นานพ่อและลูกสาวก็เริ่มเล่นด้วยกัน และสิ่งนี้ยังทำให้มาร์กมีแรงผลักดันอย่างมากในการฟื้นตัว

ดร. เซอร์วัส เชนนู นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ กล่าวว่า “การที่เขาสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจนสามารถเดินและพูดได้เองนั้นถือเป็นเรื่องน่าชื่นชมอย่างยิ่ง ผู้ป่วยบางรายที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองแตกรุนแรงสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้บ้างในหลายปีต่อมา แต่จะต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต นี่เป็นกรณีที่หายากอย่างยิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพต้องศึกษา”