กลไกการเผาผลาญไขมันถูกเปิดเผยแล้ว

นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัย Scripps ได้ระบุความเชื่อมโยงทั้งหมดในกลไกที่กระตุ้นการเผาผลาญไขมันในโพรงลำไส้

การศึกษาได้ดำเนินการกับไส้เดือนฝอย Caenorhabditis elegans ซึ่งมักใช้ในการทดลองเป็นแบบจำลองที่เรียบง่ายของร่างกายมนุษย์

นักวิทยาศาสตร์ทราบมานานแล้วว่าการสลายตัวของอนุภาคไขมันในโพรงลำไส้ถูกควบคุมโดยตัวกลางเซโรโทนินแต่กลไกที่แน่ชัดของอิทธิพลของฮอร์โมนต่อกระบวนการเผาผลาญไขมันยังคงเป็นปริศนา

ในระหว่างการศึกษา ไส้เดือนฝอยถูกทำให้ลบยีนต่างๆ ออกไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่การเชื่อมโยงระหว่างการผลิตเซโรโทนินและการสลายไขมันหายไป ช่วงเวลานี้สอดคล้องกับการปิดการทำงานของยีนที่รับผิดชอบในการเข้ารหัสเปปไทด์ FLP-7 ดังนั้น กระบวนการเผาผลาญไขมันจึงเกี่ยวข้องกับเปปไทด์นี้

เพื่อให้ได้ข้อมูลโดยละเอียดมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้ผสมเปปไทด์กับโปรตีนเรืองแสงสีแดง หลังจากนั้นจึงตรวจสอบการขนส่งสารดังกล่าวผ่านร่างกายของหนอน การทดลองนี้ทำให้สามารถระบุความเชื่อมโยงทั้งหมดในห่วงโซ่ควบคุมปฏิกิริยาได้ ห่วงโซ่ของเซลล์ประสาทในสมองซึ่งตอบสนองต่อสัญญาณเกี่ยวกับการมีอยู่ของมวลอาหารในลำไส้ มีส่วนช่วยในการสร้างเซโรโทนิน

สัญญาณเดียวกันนี้ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ประสาทอีกประเภทหนึ่ง โดยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเปปไทด์ FLP-7 ในทางกลับกัน เปปไทด์จะกระตุ้นตัวรับในผนังลำไส้ ซึ่งตอบสนองด้วยการปล่อยสารที่ช่วยสลายอนุภาคไขมันและเปลี่ยนอนุภาคเหล่านี้เป็นพลังงานอิสระ เพื่อให้เกิดกระบวนการเหล่านี้ เปปไทด์จึงเดินทางจากโครงสร้างของสมองไปยังลำไส้ผ่านระบบไหลเวียนโลหิต

ที่น่าสังเกตคือผู้เชี่ยวชาญได้ค้นพบ FLP-7 ในสัตว์เมื่อเกือบศตวรรษก่อน อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นไม่มีใครคิดว่ามีการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดระหว่างเปปไทด์และการเผาผลาญไขมัน

การศึกษาวิจัยชุดหนึ่งที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องยังพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ว่าการเพิ่มระดับ FLP-7 ที่สร้างขึ้นโดยเทียมช่วยเร่งการใช้งานของอนุภาคไขมันโดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ ไส้เดือนฝอยยังคงดำเนินกิจกรรมต่อไป แต่ไขมันสำรองจะถูก "เผาผลาญ" มากขึ้น

เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับระหว่างการวิจัย ผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ได้สรุปอย่างชัดเจนว่าในไม่ช้านี้ จะเป็นไปได้ที่จะสร้างยาที่ใช้สารฮอร์โมนของเปปไทด์ FLP-7 ซึ่งจะทำให้สามารถใช้ไขมันที่มากับอาหารได้ทันทีโดยไม่เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ต่อร่างกาย ดังนั้น ผู้คนจะลืมเรื่องการมีอยู่ของอาหารเพื่อลดน้ำหนักไปได้เลย โดยจะได้รับอนุญาตให้กินอาหารได้เกือบทุกชนิดและทุกเวลาของวัน ยาตัวใหม่ที่ใช้เปปไทด์นี้จะช่วยให้คุณย่อยอาหารได้อย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีการสะสมชั้นไขมันเพิ่มเติมในบริเวณที่มีปัญหา

ไม่ทราบว่าการผลิตยาลดน้ำหนักตัวใหม่นี้จะเริ่มผลิตเมื่อใด มีแนวโน้มว่าจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ได้รับนั้นถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว