การวินิจฉัยด้วยอัลตราซาวนด์: โอกาสใหม่ในการตรวจหามะเร็งแบบไม่รุกราน

การถ่ายภาพด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์เป็นวิธีที่มีค่าและไม่รุกรานในการตรวจจับและติดตามเนื้องอกมะเร็ง อย่างไรก็ตาม มักต้องใช้การตรวจชิ้นเนื้อแบบรุกรานและทำลายเนื้อเยื่อเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับมะเร็ง เช่น ชนิดของเซลล์และการกลายพันธุ์ ทีมวิจัยได้พัฒนาวิธีการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์เพื่อสกัดข้อมูลทางพันธุกรรมนี้ด้วยวิธีที่อ่อนโยนกว่า

ที่มหาวิทยาลัยแห่งอัลเบอร์ตา ทีมที่นำโดย Roger Zemp ศึกษาว่าอัลตราซาวนด์ที่มีความเข้มข้นสูงสามารถปลดปล่อยเครื่องหมายทางชีวภาพของโรคหรือไบโอมาร์กเกอร์จากเซลล์ได้อย่างไร ไบโอมาร์กเกอร์เหล่านี้ เช่น miRNA, mRNA, DNA หรือการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมอื่นๆ สามารถช่วยระบุมะเร็งชนิดต่างๆ และให้ข้อมูลสำหรับการบำบัดในภายหลังได้ Zemp จะนำเสนอผลงานนี้ในวันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม เวลา 8.30 น. ET ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมร่วมกันของ Acoustical Society of America และ Canadian Acoustical Association ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 13-17 พฤษภาคม ที่ Shaw Centre ในตัวเมืองออตตาวา รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา

"การใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ในระดับสูงเกินกว่าระดับที่ใช้ในการสร้างภาพ สามารถสร้างรูพรุนขนาดเล็กในเยื่อหุ้มเซลล์ได้ ซึ่งจะรักษาตัวเองได้อย่างปลอดภัย กระบวนการนี้เรียกว่า โซโนโฟเรชั่น รูพรุนที่สร้างขึ้นโดยโซโนโฟเรชั่นเคยใช้ในการส่งยาเข้าสู่เซลล์และเนื้อเยื่อมาแล้ว ในกรณีของเรา เราสนใจที่จะปลดปล่อยเนื้อหาของเซลล์เพื่อการวินิจฉัย" Roger Zemp จากมหาวิทยาลัยแห่งอัลเบอร์ตาอธิบาย

อัลตราซาวนด์จะปล่อยไบโอมาร์กเกอร์จากเซลล์เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ความเข้มข้นของไบโอมาร์กเกอร์เพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่สูงพอที่จะตรวจพบได้ วิธีนี้ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งสามารถตรวจพบมะเร็งและติดตามความคืบหน้าหรือการรักษาได้โดยไม่ต้องทำการตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจ ซึ่งเจ็บปวด แต่สามารถใช้ตัวอย่างเลือดแทน ซึ่งหาได้ง่ายกว่าและราคาถูกกว่า

“อัลตราซาวนด์สามารถเพิ่มระดับของไบโอมาร์กเกอร์ทางพันธุกรรมและเวสิคูลาร์ในตัวอย่างเลือดได้มากกว่า 100 เท่า” เซมป์กล่าว “เราสามารถตรวจจับกลุ่มการกลายพันธุ์เฉพาะเนื้องอก และปัจจุบันคือการกลายพันธุ์ทางเอพิเจเนติกส์ ซึ่งปกติแล้วจะไม่สามารถตรวจพบในตัวอย่างเลือดได้”

แนวทางนี้ไม่เพียงแต่พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในการค้นพบไบโอมาร์กเกอร์เท่านั้น แต่ยังมีประสิทธิภาพต้นทุนเมื่อเทียบกับวิธีการทดสอบแบบดั้งเดิมอีกด้วย

“เราพบว่าเราสามารถทำการตรวจเลือดโดยใช้คลื่นอัลตราซาวนด์เพื่อค้นหาเซลล์เนื้องอกที่ไหลเวียนอยู่ในตัวอย่างเลือดที่มีความไวต่อเซลล์เดี่ยวได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายเท่ากับการทดสอบ COVID” Zemp กล่าว “วิธีนี้ถูกกว่าวิธีปัจจุบันมาก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 10,000 ดอลลาร์ต่อการทดสอบหนึ่งครั้ง”

ทีมวิจัยยังได้สาธิตศักยภาพของการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงในการทำให้เนื้อเยื่อที่มีปริมาตรน้อยกลายเป็นของเหลวเพื่อใช้ในการตรวจหาไบโอมาร์กเกอร์ เนื้อเยื่อที่กลายเป็นของเหลวสามารถสกัดได้จากตัวอย่างเลือดหรือใช้เข็มฉีดยาขนาดเล็ก ซึ่งเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายกว่าวิธีที่เป็นอันตรายกว่ามาก ซึ่งก็คือการใช้เข็มที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่า

วิธีการตรวจหามะเร็งที่เข้าถึงได้มากขึ้นไม่เพียงแต่จะช่วยให้วินิจฉัยและรักษาได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการดำเนินการอีกด้วย พวกเขาจะสามารถระบุได้ว่าการบำบัดบางประเภทได้ผลหรือไม่ โดยไม่มีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่มักเกิดขึ้นจากการตรวจชิ้นเนื้อซ้ำ

“เราหวังว่าเทคโนโลยีอัลตราซาวนด์ของเราจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโดยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์เซลล์และเนื้อเยื่อในระดับโมเลกุลแบบใหม่โดยไม่สร้างความเจ็บปวดให้มากนัก” Zemp กล่าว