การสูบบุหรี่ทำให้เมาค้างมากขึ้น และหน่อไม้ฝรั่งก็ช่วยบรรเทาอาการได้

เมื่อวันหยุดปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งชาติเชจูซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ และสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์มีความเกี่ยวข้องอย่างมาก เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าหน่อไม้ฝรั่งสามารถรักษาอาการเมาค้างได้จริง

วันปีใหม่และคริสต์มาสเป็นวันหยุดที่ทุกคนรอคอยมานาน แล้วทำไมคุณถึงไม่ดื่มเพื่อต้อนรับปีใหม่ล่ะ? น่าเสียดายที่ไม่ใช่ทุกคนจะรู้ถึงขีดจำกัดของการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นความสนุกในตอนเย็นจึงจบลงด้วยอาการปวดหัวและสุขภาพที่ย่ำแย่ในตอนเช้า

อ่านเพิ่มเติม: 11 ตำนานเกี่ยวกับอาการเมาค้าง

แม้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจะไม่เป็นผลดี แต่ผู้เชี่ยวชาญชาวเกาหลีอ้างว่าหน่อไม้ฝรั่งสามารถช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้

ความจริงก็คือแร่ธาตุและกรดอะมิโนที่มีอยู่ในหน่อไม้ฝรั่งสามารถปกป้องเซลล์ตับจากสารพิษและกลายเป็น “ยาแก้เมาค้าง” ในตอนเช้าได้

ในการศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Science ผู้เขียนได้วิเคราะห์องค์ประกอบของสารต่างๆ ที่มีอยู่ในยอดอ่อนและใบของหน่อไม้ฝรั่ง และยังศึกษาผลทางชีวเคมีของสารเหล่านี้ต่อเซลล์ตับของหนูและมนุษย์อีกด้วย

“สารสกัดจากใบและยอดหน่อไม้ฝรั่งช่วยบรรเทาผลกระทบของสารพิษต่อร่างกายมนุษย์ได้เป็นส่วนใหญ่” ศาสตราจารย์คิม ผู้เขียนหลักกล่าว “ผลการศึกษาของเราชี้ให้เห็นว่าคุณสมบัติทางชีวภาพของหน่อไม้ฝรั่งอาจช่วยบรรเทาอาการเมาค้างที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปและปกป้องเซลล์ตับได้อย่างไร”

ศาสตราจารย์คิมตั้งข้อสังเกตว่าการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่องจะทำให้ตับเกิดภาวะเครียดออกซิเดชัน และมีอาการเมาค้างที่เป็นลักษณะเฉพาะด้วย

ผู้คนจากหลายประเทศมีวิธีจัดการกับอาการเมาค้างที่แตกต่างกันไป บางคนดื่มน้ำเกลือหรือยาต้มในตอนเช้า บางคนดื่มนมก่อนไปงานปาร์ตี้ และบางคน “เท” น้ำปริมาณมากเข้าตัวตอนกลางคืน

อ่านเพิ่มเติม: เซ็กส์ตอนเช้าเป็นวิธีรักษาอาการเมาค้างที่ดีที่สุด

“เราพบว่าการใช้สารสกัดจากใบและยอดหน่อไม้ฝรั่งช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานของเซลล์ได้อย่างมีนัยสำคัญ” นักวิจัยกล่าว “นี่เป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าคุณสมบัติทางชีวภาพของหน่อไม้ฝรั่งมีผลดีต่ออาการเมาค้าง ทำให้อาการเมาค้างง่ายขึ้นและเจ็บปวดน้อยลง นอกจากนี้ ปริมาณสารพิษในเซลล์ตับยังลดลงด้วย

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบราวน์เตือนผู้สูบบุหรี่ว่าพวกเขาจะรับมือกับอาการเมาค้างได้ยากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่มาก

การทดลองของนักวิทยาศาสตร์มีผู้เข้าร่วม 113 คน ผู้เข้าร่วมบันทึกปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มในตอนเย็นและจำนวนบุหรี่ที่สูบ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมยังได้บรรยายถึงความรุนแรงของอาการเมาค้างในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากงานปาร์ตี้

ดามาริสสา โรห์เซนู หัวหน้าคณะผู้จัดทำผลการศึกษากล่าวว่า นักศึกษาที่ดื่มหนักครั้งละ 5-6 กระป๋อง และสูบบุหรี่เป็นประจำ มีอาการเมาค้างอย่างรุนแรง โดยอาการเมาค้างของพวกเขาแย่กว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่มาก

แอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี 2 ประการ ซึ่งเมื่อ "พบปะ" กัน จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนโดพามีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่ากระบวนการนี้เองที่ทำให้สภาพร่างกายในตอนเช้าที่ย่ำแย่อยู่แล้วแย่ลงไปอีก

[ 1 ]