เซมากลูไทด์ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจและ COVID-19

ผู้ป่วยที่ฉีดเซมากลูไทด์มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากสาเหตุใดๆ น้อยลง รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือดและการติดเชื้อ เช่น COVID-19 ตามผลการศึกษาในระดับนานาชาติที่นำโดยนักวิจัยจาก Brigham and Women's Hospital ซึ่งเป็นสมาชิกของ Mass General Brigham Medical System การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม SELECT ซึ่งได้รับทุนจาก Novo Nordisk ศึกษาผลของการฉีดเซมากลูไทด์รายสัปดาห์เมื่อเทียบกับยาหลอกต่ออัตราการเสียชีวิตในผู้เข้าร่วมมากกว่า 17,000 รายที่มีโรคหัวใจและน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 ถึงเดือนมีนาคม 2023 อัตราการเสียชีวิตโดยรวมลดลง 19% ในกลุ่มที่ได้รับเซมากลูไทด์เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก การเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง 15% และการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุลดลง 23% ผลการศึกษาได้รับการนำเสนอในงานประชุมของ European Society of Cardiology ประจำปี 2024 และเผยแพร่พร้อมกันในวารสารของ American College of Cardiology

“ผลลัพธ์เหล่านี้น่าประหลาดใจ การทดลองเริ่มขึ้นก่อนเกิด COVID-19 และเราไม่ได้คาดการณ์ว่าจะมีการระบาดของโรคทางเดินหายใจทั่วโลก เรารู้ได้อย่างรวดเร็วว่ามีข้อมูลสำคัญที่ต้องรวบรวม เป็นเรื่องยากที่ยาประเภทคาร์ดิโอเมตาบอลิกจะส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ที่ไม่เกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ การที่เซมากลูไทด์ลดอัตราการเสียชีวิตที่ไม่เกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ โดยเฉพาะจาก COVID-19 ถือเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง สิ่งนี้เปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับการวิจัยว่ายาประเภทนี้อาจมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยอย่างไร” ดร. เบนจามิน เอ็ม. ซิริคา หัวหน้าผู้เขียน ผู้อำนวยการฝ่ายริเริ่มคุณภาพในแผนกโรคหัวใจที่ Brigham and Women's Hospital และศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ที่ Harvard Medical School กล่าว

การเสียชีวิตจากการติดเชื้อเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่ไม่ใช่โรคหัวใจและหลอดเลือดที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มที่ศึกษา ในการศึกษานี้ ผู้ที่รับประทานเซมากลูไทด์มีโอกาสติด COVID-19 เท่ากัน แต่มีผลข้างเคียงร้ายแรงหรือการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 น้อยกว่า นักวิจัยไม่ทราบว่าประโยชน์ของเซมากลูไทด์นี้เกิดจากการลดน้ำหนักหรือผลข้างเคียงอื่นหรือไม่ ผลลัพธ์นี้ขึ้นอยู่กับการสังเกตเพียงครั้งเดียว แม้ว่าจะเป็นการศึกษาวิจัยขนาดใหญ่ในระดับนานาชาติ ดังนั้นข้อมูลจึงจำเป็นต้องได้รับการยืนยัน การศึกษาวิจัยในอนาคตมีแผนที่จะช่วยอธิบายกลไกการออกฤทธิ์ที่อาจเกิดขึ้น และการศึกษาวิจัยยาอื่นๆ ในกลุ่มนี้ควรมีข้อมูลเพิ่มเติม