แพทย์สหรัฐฯ แนะนำให้หลีกเลี่ยง "อาการสั่นขณะเล่นกีฬา"

แพทย์ชาวอเมริกันได้ออกคำเตือนต่อสาธารณชนเกี่ยวกับเครื่องดื่มชูกำลัง เด็กและวัยรุ่นไม่ควรดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม ควรงดดื่ม "ค็อกเทลสำหรับนักกีฬา" หรืออย่างน้อยควรดื่มในปริมาณที่จำกัด

ดร. ฮอลลี่ เบนจามิน จากสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าเด็กๆ ไม่จำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มเหล่านี้มีคาเฟอีนและสารกระตุ้นอื่นๆ ที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนั้นร่างกายที่กำลังเติบโตจึงไม่ต้องการเครื่องดื่มเหล่านี้ นอกจากนี้ เด็กๆ ยังเสี่ยงต่อส่วนผสมที่เป็นอันตรายในเครื่องดื่มชูกำลังได้มากกว่า และหากดื่มเป็นประจำ ร่างกายของเด็กก็จะเริ่มเกิดความเครียด

ในการกำหนดแนวทางใหม่ แพทย์ได้ทบทวนการศึกษาก่อนหน้านี้ที่ตรวจสอบทั้งเครื่องดื่มชูกำลังและเครื่องดื่มสำหรับนักกีฬาที่ไม่มีสารกระตุ้น ผู้เชี่ยวชาญสังเกตว่าเครื่องดื่มชูกำลังมีส่วนผสมหลายอย่าง รวมถึงวิตามินและสารสกัดจากสมุนไพร ซึ่งผลข้างเคียงยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ แม้ว่าจะยังมีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเครื่องดื่มชูกำลังไม่มากนัก แต่สารกระตุ้นสามารถรบกวนจังหวะการเต้นของหัวใจและในบางกรณีอาจทำให้เกิดอาการชักได้

นางเบนจามินเล่าถึงกรณีของเด็กชายวัย 15 ปี ที่มีประวัติเป็นโรคสมาธิสั้น (ADHD) ซึ่งต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการหัวใจวายหลังจากดื่มเครื่องดื่ม Mountain Dew ซึ่งเป็นเครื่องดื่มอัดลมที่มีคาเฟอีน 2 ขวด ขนาด 700 กรัม วัยรุ่นคนดังกล่าวรับประทานยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นสำหรับโรคสมาธิสั้น และคาเฟอีนที่มากเกินไปส่งผลเสียต่อหัวใจของเขา

ฮอลลี่ เบนจามินและเพื่อนร่วมงานของเธอเชื่อมั่นว่าเด็กส่วนใหญ่ควรดื่มน้ำเปล่าเท่านั้น หากเด็กหรือวัยรุ่นออกกำลังกายเป็นประจำ ก็สามารถดื่มเครื่องดื่มสำหรับนักกีฬาที่มีน้ำตาลได้ สำหรับผู้ที่มีวิถีชีวิตไม่ค่อยออกกำลังกาย เครื่องดื่มสำหรับนักกีฬาและเครื่องดื่มชูกำลังอาจทำให้มีน้ำหนักขึ้นได้

ขอให้เราระลึกไว้ว่าในเดือนกุมภาพันธ์ กุมารแพทย์จากฟลอริดาได้เตือนถึงอันตรายของเครื่องดื่มชูกำลังไปแล้ว และได้บรรยายถึงกรณีของอาการชัก ประสาทหลอน ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและไต และความเสียหายของตับในผู้ป่วยที่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังหนึ่งกระป๋องหรือมากกว่าต่อวันภายใต้แบรนด์ Red Bull, Spike Shooter, Redline เป็นต้น ตัวอย่างเช่น ในประเทศไอร์แลนด์ พบกรณีดังกล่าว 17 กรณีระหว่างปี 1999 ถึง 2005 และในนิวซีแลนด์ พบกรณีดังกล่าว 20 กรณีระหว่างปี 2005 ถึง 2009