ประชากรยุโรป 38% ป่วยด้วยโรคทางจิตทุกปี

โรคที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ ความวิตกกังวลโรคนอนไม่หลับและภาวะซึมเศร้า ความเสียหายทั้งหมดจากโรคในกลุ่มนี้ซึ่งเกิดขึ้นกับ 30 ประเทศในยุโรป มีมูลค่า 0.8 ล้านล้านยูโร

จากการศึกษาวิจัยเป็นเวลา 3 ปีโดย European Brain Research Council (EBC) และ European College of Neuropsychopharmacology (ECNP) ซึ่งดำเนินการใน 30 รัฐที่ใช้สกุลเงินยูโร (27 รัฐสมาชิกสหภาพยุโรป นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์) พบว่า 38% ของประชากร (หรือ 165 ล้านคนจาก 435 ล้านคน) ป่วยด้วยโรคทางจิตและโรคทางระบบประสาทประเภทต่างๆ ทุกปี การรวมกันของโรคทางจิตและโรคทางกายในหนึ่งการศึกษานั้นเกิดจากความจริงที่ว่าอาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นพร้อมกัน (แต่ไม่เสมอไป) โรคที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ ความวิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ และภาวะซึมเศร้า (14%, 7% และ 6.9% ของจำนวนโรคทั้งหมด)

การศึกษาครั้งก่อนของกลุ่ม EBC/ECNP ซึ่งนำโดย Hans-Ulrich Wittchen จากมหาวิทยาลัยเทคนิคเดรสเดน (เยอรมนี) เสร็จสิ้นในปี 2548 ตามการประมาณการ ผู้ป่วยทางจิตและผู้ป่วยโรคทางสมองคิดเป็น 27% ของประชากรทั้งหมดในประเทศที่ดำเนินการศึกษา (301 ล้านคน) อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในจำนวนผู้ป่วยโรคทางจิตและโรคทางสมอง การศึกษาครั้งใหม่นี้คำนึงถึงโรคเพิ่มเติมอีก 14 โรค ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดในเด็กและผู้สูงอายุ ควรสังเกตว่าการประมาณการของนักวิทยาศาสตร์ในยุโรปไม่ได้ถูกประเมินสูงเกินไป การสำรวจสุขภาพจิตโลกซึ่งดำเนินการในปี 2551 ใน 28 ประเทศ ประมาณการว่าจำนวนผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคทางจิตอยู่ที่ 33%

กลุ่มของนายวิทเชนจะเผยแพร่ผลการศึกษาฉบับเต็มในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะรวมถึงการประเมินค่าใช้จ่ายโดยตรงในการรักษาโรคทางจิตและโรคทางสมอง และความเสียหายทางเศรษฐกิจทางอ้อมที่เกิดจากโรคเหล่านี้ เอกสารในปี 2548 ประเมินภาระโดยตรงต่อระบบสุขภาพของยุโรปไว้ที่ 277,000 ล้านยูโร โดยมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 386,000 ล้านยูโร นายวิทเชนคาดว่าการประมาณการใหม่นี้จะมากกว่าสองเท่าของจำนวนดังกล่าว ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยอื่นๆ ยืนยันโดยอ้อมอีกครั้งว่าข้อสรุปของกลุ่มนี้ไม่ได้น่าตกใจเลย โดยองค์การอนามัยโลกประมาณการว่าโรคทางสมองคิดเป็น 13% ของค่าใช้จ่ายของโรคทั้งหมด (มากกว่าค่าใช้จ่ายของโรคมะเร็งและโรคหัวใจและหลอดเลือด)

ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวไว้ ในการต่อสู้กับโรคทางจิตและความผิดปกติทางร่างกาย จำเป็นต้องทำการคัดกรองประชากร ซึ่งควรเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย และ (ประการแรก) ต้องเปลี่ยนการรับรู้ของผู้คนเกี่ยวกับโรคเหล่านี้: โรคเหล่านี้ไม่ควรได้รับการมองว่าเป็นสิ่งที่น่าละอายหรือน่าละอายใจแต่อย่างใด