ประโยชน์ของการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมมีมากกว่าโทษ

การศึกษาวิจัยขนาดใหญ่โดย European Screening Network ซึ่งมีทีมตัวแทนจากประเทศต่างๆ ในยุโรป 9 ประเทศ ได้ทบทวนวิธีการตรวจหามะเร็งเต้านม นักวิทยาศาสตร์สามารถสรุปได้ว่าการวินิจฉัยโรคมีข้อดีมากกว่าผลเสีย

ผลการวิจัยของนักวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Medical Screening ระบุว่าการตรวจคัดกรองทุก ๆ สองปีสามารถช่วยชีวิตผู้หญิงได้เฉลี่ย 7 ถึง 9 คนในช่วงวัย 50 ถึง 69 ปี โดยเฉลี่ยแล้ว การตรวจคัดกรองจะช่วยให้ผู้หญิง 4 คนจากทั้งหมด 1,000 คนได้รับการวินิจฉัยโรคใหม่ที่ถูกต้อง

นักวิทยาศาสตร์ได้ประเมินประโยชน์ของการตรวจคัดกรอง โดยวิเคราะห์ข้อมูลอัตราการเสียชีวิตของผู้หญิงจากมะเร็งเต้านม และพิจารณาว่าการตรวจคัดกรองช่วยชีวิตผู้หญิงได้กี่คน กล่าวคือ หากผู้หญิงไม่เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม โรคเนื้องอกอาจลุกลามโดยไม่แสดงอาการใดๆ ดังนั้น มะเร็งจึงสามารถวินิจฉัยได้ในระยะท้ายของการพัฒนา ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรง

การศึกษาครั้งนี้ยังใช้ข้อมูลจากกลุ่มทำงานที่สองของเครือข่ายตัวบ่งชี้มะเร็งแห่งยุโรป (EUNICE) ซึ่งวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมการคัดกรอง 26 โปรแกรมใน 18 ประเทศ การศึกษาดังกล่าวดำเนินการตั้งแต่ปี 2544 ถึง 2550 ในช่วงเวลาดังกล่าว มีการติดตามผู้หญิง 12 ล้านคน

ศาสตราจารย์สตีเฟน ดัฟฟี่ จากสถาบัน Wolfson Institute of Preventive Medicine ในลอนดอน และหนึ่งในผู้ประสานงานโครงการ EUROSCREEN กล่าวว่า “นี่เป็นการศึกษาวิจัยโครงการคัดกรองมะเร็งขนาดใหญ่เพียงโครงการเดียวในยุโรป โดยแสดงให้เห็นผลลัพธ์จากการตรวจคัดกรองผู้หญิงหลายล้านคน และยืนยันผลการศึกษาวิจัยที่ดำเนินการเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประสิทธิผลของการตรวจคัดกรองมีมากกว่าอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากขั้นตอนต่างๆ เช่น การตรวจเต้านม”

“เราหวังว่าการวิจัยของเราจะทำให้ผู้หญิงทุกคนสามารถชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของการตรวจคัดกรองด้วยตนเอง และตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง” ดร. Eugenio Paci ซึ่งเป็นผู้เขียนร่วมการศึกษากล่าว

เมื่อไม่นานมานี้ กระบวนการคัดกรองได้ก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยวกับอันตรายที่เกิดขึ้น ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่จะต้องค้นหาว่าสิ่งใดมีมากกว่าประโยชน์หรืออันตราย

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการทำการวิจัยเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ เนื่องจากองค์ประกอบสำคัญของการป้องกันและรักษามะเร็งเต้านมคือการที่ผู้หญิงมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งชนิดนี้และวิธีการวินิจฉัยและรักษา