ประโยชน์ของแอลกอฮอล์ในระหว่างตั้งครรภ์ได้รับการพิสูจน์แล้ว

ในประเทศเดนมาร์ก ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการศึกษาวิจัยและพบว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะไม่เพียงแต่ปลอดภัยสำหรับสตรีมีครรภ์เท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาของตัวอ่อนอีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้เด็กปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ในชีวิตได้ง่ายขึ้นในอนาคต

ผลปรากฏว่าเด็กที่เกิดจากแม่ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณเล็กน้อยสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้ง่ายกว่ามาก ข้อสรุปดังกล่าวได้มาจากผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนหลังจากการศึกษาในระยะยาวหลายครั้ง ในการทดลองซึ่งกินเวลานานถึง 7 ปี (ตั้งแต่ปี 1996 ถึง 2002) ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการสำรวจหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 100,000 คน ซึ่งระหว่างนั้นพวกเขาจะได้ทราบทัศนคติของแต่ละคนที่มีต่อแอลกอฮอล์ 7 ปีต่อมา ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการสำรวจลูกๆ ที่โตแล้วของผู้หญิงที่เข้าร่วมการสำรวจ ผลปรากฏว่าลูกๆ ของแม่ที่ดื่มไวน์สัปดาห์ละสองแก้วขณะตั้งครรภ์มีรูปลักษณ์ที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ ได้ง่ายกว่า ซึ่งแตกต่างจากเด็กที่แม่ไม่ดื่มเลยตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์ Kit Broholm หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่ดำเนินการศึกษานี้ให้ความเห็นเกี่ยวกับโครงการนี้ โดยตั้งข้อสังเกตว่าจำเป็นต้องเข้าใจว่าแอลกอฮอล์เป็นอันตรายต่อร่างกายเมื่อใด และเมื่อใดที่แอลกอฮอล์มีส่วนช่วยในการพัฒนาของร่างกายอย่างเหมาะสม จำเป็นต้องแยกแยะระหว่างผลเสียของแอลกอฮอล์ต่อตัวอ่อนและผลดี (ในปริมาณที่พอเหมาะ) เช่น การป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว

จากการศึกษาพบว่าพัฒนาการที่ดีของลูกไม่ได้เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากปัจจัยอื่นๆ อีกหลายประการด้วย โดยผู้หญิงที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นครั้งคราวในระหว่างตั้งครรภ์จะมีสุขภาพที่ดีกว่า เล่นกีฬา ไม่สูบบุหรี่ ใช้เวลาอยู่หน้าทีวีน้อยลง และไม่อ้วนก่อนคลอด โดยสรุปแล้ว ผลการศึกษาได้สะท้อนปัจจัยทั้งหมดที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการในอนาคตของลูก รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย การศึกษานี้ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญไม่ได้หมายความว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีต่อสตรีมีครรภ์ ในทางตรงกันข้าม ควรใช้ความระมัดระวังโดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้

การศึกษาในระยะแรกโดยผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกาแสดงให้เห็นว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณเล็กน้อยสามารถยืดอายุได้ นักวิทยาศาสตร์ได้ข้อสรุปดังกล่าวหลังจากการสังเกตสุขภาพของผู้คนมากกว่า 1,000 คนในระยะยาว ซึ่งในช่วงเริ่มต้นการทดลองนั้นมีอายุระหว่าง 55 ถึง 65 ปี ในกลุ่มคนเหล่านี้มีทั้งผู้ที่ดื่มหนัก ผู้ที่ดื่มเป็นครั้งคราว และผู้ที่ไม่ดื่มเลย ในระหว่างการทดลอง (20 ปี) ผู้ที่ดื่มหนัก 60% และผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างมีสติ 69% เสียชีวิต ในกลุ่มผู้ที่ดื่มในระดับปานกลาง อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 41%

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณปานกลางสามารถยืดอายุได้ โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณปานกลางหมายถึงการดื่มแอลกอฮอล์ 2 แก้วต่อวัน (1 แก้วเท่ากับเบียร์ประมาณ 300 มิลลิลิตร หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เข้มข้น 1 ช็อต) การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไปทำให้มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 42% และการงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างสมบูรณ์ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 49%