นักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายกลไกการอยู่รอดของไวรัสตับอักเสบซีในตับของมนุษย์

โรคไวรัสยังคงเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทางการแพทย์ วิวัฒนาการร่วมกันของไวรัสเป็นเวลาหลายพันปีทำให้ไวรัสสามารถใช้ประโยชน์จากร่างกายมนุษย์เพื่อเอาชีวิตรอดและขยายพันธุ์ ทำให้การรักษาทำได้ยาก

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา (สหรัฐอเมริกา) ได้แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกว่าโมเลกุล RNA ขนาดเล็กที่ควบคุมการแสดงออกของยีนในเซลล์ตับของมนุษย์ถูกไวรัสตับอักเสบซีเข้าควบคุมเพื่อให้ไวรัสสามารถอยู่รอดได้ นักวิจัยหวังว่าการค้นพบนี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์พัฒนายาต้านไวรัสชนิดใหม่ที่มีประสิทธิภาพได้ในอนาคตอันใกล้นี้

ไมโครอาร์เอ็นเอซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมการแสดงออกของยีนในเซลล์นั้นโดยทั่วไปจะขัดขวางการผลิตโปรตีนที่สำคัญหรือทำให้อาร์เอ็นเอที่เข้ารหัสโปรตีนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์ไม่เสถียร ทีมนักวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าการจับกันระหว่างไมโครอาร์เอ็นเอ (ไมโครอาร์เอ็นเอ-122) ในเซลล์ตับกับอาร์เอ็นเอของไวรัสจะทำให้อาร์เอ็นเอเสถียรขึ้น ส่งเสริมการจำลองจีโนมของไวรัสในตับอย่างมีประสิทธิภาพและสนับสนุนวงจรชีวิตของไวรัส

Stanley M. Lemon, MD ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ จุลชีววิทยาและภูมิคุ้มกันวิทยา และสมาชิกของศูนย์มะเร็ง กล่าวว่า "ไวรัสตับอักเสบซีทำสิ่งที่น่าสนใจสองอย่างด้วยไมโครอาร์เอ็นเอ-122" "ประการแรก ปฏิสัมพันธ์ระหว่างไวรัสกับไมโครอาร์เอ็นเอ-122 ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่เป็นเอกลักษณ์กับตัวควบคุมหลัก เนื่องจากไมโครอาร์เอ็นเอ-122 ประกอบเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของไมโครอาร์เอ็นเอทั้งหมดที่มีอยู่ในตับ ประการที่สอง ไวรัสเข้ายึดครองการแสดงออกของยีนเพื่อประโยชน์ของตัวเอง โดยทำลายเสถียรภาพของอาร์เอ็นเอ และทำให้เกิดการสังเคราะห์โปรตีนของไวรัสที่จำเป็นต่อการดำเนินวงจรชีวิตของไวรัสต่อไป นี่คือตัวอย่างคลาสสิกของไวรัสที่ใช้ฟังก์ชันของเซลล์ที่มีประโยชน์เพื่อจุดประสงค์ของตัวเอง"

ผลงานของดร. ลิมอนและเพื่อนร่วมงานในปี 2548 ช่วยแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของไมโครอาร์เอ็นเอ-122 ในการจำลองตัวเองของไวรัสตับอักเสบซี แต่ยังไม่เข้าใจกลไกที่มันทำการจำลองตัวเอง ปัจจุบัน ทีมวิจัยสามารถอธิบายกลไกนี้ได้โดยใช้ยาต้านไวรัสชนิดใหม่ซึ่งอยู่ในระหว่างการทดลอง ยาที่เรียกว่าแอนตาโกเมียร์จะจับกับไมโครอาร์เอ็นเอ-122 และทำให้จีโนมของไวรัสไม่เสถียร ส่งผลให้ไวรัสเสื่อมสลายเร็วขึ้นในตับ

ผลการศึกษาล่าสุดได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings

โรคตับอักเสบซีเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญซึ่งยากต่อการตรวจพบในระยะเริ่มต้น เนื่องจากอาการจะไม่ปรากฏจนกว่าจะผ่านไปหลายเดือนหรือหลายปีหลังจากติดเชื้อ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคประมาณการว่าคนในสหรัฐอเมริกามากกว่า 4 ล้านคนอาจติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี และส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ โรคตับเรื้อรังและมะเร็งตับอาจเกิดขึ้นได้ในมากกว่าหนึ่งในสามของผู้ป่วย

[ 1 ], [ 2 ], [ 3 ], [ 4 ], [ 5 ], [ 6 ], [ 7 ], [ 8 ]