การเดินสามารถช่วยคนที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างได้

การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancetพบว่าผู้ใหญ่ที่มีอาการปวดหลังเรื้อรังและเดินเป็นประจำมีแนวโน้มที่จะมีอาการปวดซ้ำน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้เดินเป็นประจำ

“การเดินเป็นการออกกำลังกายที่เข้าถึงได้ง่ายและมีค่าใช้จ่ายต่ำ ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด อายุเท่าใด หรือฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างไร” ดร. มาร์ก แฮนค็อก หัวหน้าคณะผู้จัดทำผลการศึกษาและศาสตราจารย์ด้านกายภาพบำบัดที่มหาวิทยาลัยแมกควารีในออสเตรเลียกล่าว “เราไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดการเดินจึงมีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการปวดหลัง แต่สาเหตุน่าจะมาจากการเคลื่อนไหวแบบสั่นเบาๆ การเสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อ การผ่อนคลาย การลดความเครียด และการหลั่งสารเอนดอร์ฟิน”

“นอกจากนี้ เรายังทราบอีกว่า การเดินยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย เช่น ช่วยให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้น เพิ่มความหนาแน่นของกระดูก รักษาให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ และสุขภาพจิตดีขึ้น” แฮนค็อกกล่าวเสริม

ดร. โทมัส ปอนติเนน ผู้ก่อตั้งศูนย์ควบคุมความเจ็บปวด MAPS ในแถบมิดเวสต์ กล่าวเสริมว่า “ร่างกายของเราถูกออกแบบมาให้เดินได้ และในความคิดของฉัน ยิ่งคุณเดินมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีสุขภาพดีมากขึ้นเท่านั้น การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ยืนยันเรื่องนี้แล้วว่า คนที่เดินมากขึ้นจะมีอายุยืนยาวขึ้น”

แฮนค็อกและทีมของเขาศึกษาผู้ใหญ่ 701 คนที่เพิ่งหายจากอาการปวดหลังส่วนล่าง ผู้เข้าร่วมถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งเข้าร่วมโปรแกรมการเดินและการฝึกอบรมชุดหนึ่งที่นำโดยนักกายภาพบำบัดเป็นเวลา 6 เดือน ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้รับการแทรกแซงใดๆ

“กลุ่มที่เดินมีอาการปวดจนจำกัดกิจกรรมน้อยกว่ากลุ่มควบคุม และมีระยะเวลาที่อาการกำเริบนานกว่า โดยมีค่ามัธยฐานอยู่ที่ 208 วัน เทียบกับ 112 วัน” แฮนค็อกกล่าว

ดร.ฌอน บาร์เบอร์ ศัลยแพทย์ประสาทจาก Houston Methodist Health System ในรัฐเท็กซัส อธิบายว่าอาการปวดหลังส่วนล่างอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง การเสื่อมของข้อต่อที่เชื่อมกระดูกสันหลัง ความไม่มั่นคงของกระดูกสันหลัง ความผิดปกติ การกดทับของรากประสาท และความเครียดของกล้ามเนื้อ

นักวิจัยกำลังวางแผนศึกษาเพิ่มเติมเพื่อบูรณาการการแทรกแซงเชิงป้องกันเข้ากับการดูแลสุขภาพมาตรฐาน “การศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายแบบเรียบง่ายและเข้าถึงได้นี้สามารถนำไปใช้ได้สำเร็จในระดับที่ใหญ่กว่ามากเมื่อเทียบกับการออกกำลังกายแบบอื่นๆ” แฮนค็อกกล่าว

ดร. บาร์เบอร์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษา โดยสังเกตว่า "อาการปวดหลังส่วนล่างแบบไม่เฉพาะเจาะจงนั้นพบได้บ่อยมาก และเป็นแหล่งที่มาของต้นทุนทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญ"

“ผู้ป่วยในการศึกษานี้มีประสบการณ์ในการออกกำลังกายเป็นประจำน้อยมากหรือไม่มีเลย ดังนั้น จึงน่าจะได้รับประโยชน์จากความช่วยเหลือจากนักกายภาพบำบัดในการกำหนด 'ขนาดเริ่มต้นที่เหมาะสม' และ 'ความคืบหน้าที่เหมาะสม' ของโปรแกรมการเดิน” บาร์เบอร์กล่าว “อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในการเริ่มเดินหรือออกกำลังกายแบบเบาๆ”

ดร. ฟาร์ฮาน มาลิก แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและการกีฬาในแอตแลนตา แนะนำให้เริ่มด้วยการเดินระยะสั้นๆ เป็นเวลา 10 ถึง 15 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาขึ้นตามความสามารถในการเดิน “ท่าทางการเดินที่เหมาะสมก็สำคัญเช่นกัน ยืนตัวตรงโดยให้กระดูกเชิงกรานเป็นกลาง ไหล่ผ่อนคลาย และมองไปข้างหน้า สำหรับการจัดการกับอาการปวดหลังในระยะยาว การเดินเป็นประจำ 30 ถึง 60 นาทีเกือบทุกวันในสัปดาห์จะช่วยเพิ่มความแข็งแรง ปรับปรุงอารมณ์ และบรรเทาอาการปวดได้ในระยะยาว”