CDC เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วนต่อระบอบการรักษาโรคหนองในในปัจจุบัน

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วนในระบอบการรักษาโรคหนองในในปัจจุบันเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อหนองในดื้อยาจนดื้อต่อยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิผลตัวสุดท้าย

แนวทางที่ CDC เผยแพร่ล่าสุดเรียกร้องให้หยุดการใช้เซฟไตรแอกโซนช่องปากทันที ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ยาที่แนะนำไว้ก่อนหน้านี้สำหรับรักษาหนองใน และให้แพทย์ใช้เซฟไตรแอกโซนฉีดร่วมกับอะซิโธรมัยซินหรือดอกซีไซคลินแทน

โรเบิร์ต เคิร์กคัลดี ผู้เชี่ยวชาญของ CDC กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงการรักษาอย่างเร่งด่วนเท่านั้นที่จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการสูญเสียยาที่มีฤทธิ์แรงอย่างเซฟไตรแอกโซนได้ นี่เป็นยาตัวสุดท้ายที่เรามีในคลังแสงเพื่อต่อสู้กับหนองใน แต่หนองในกลับดื้อยาตัวนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เราหวังว่าการผสมยาฉีดนี้กับยาปฏิชีวนะอีกสองชนิดจะช่วยชะลอการพัฒนาของการดื้อยาได้"

นายคิร์กคัลดีกล่าวว่าการเลิกใช้เซฟไตรแอกโซนแบบรับประทานเป็นเรื่องยาก เนื่องจากยาเม็ดเป็นวิธีเดียวที่สามารถรักษาโรคหนองในได้ในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งการเข้าถึงเข็มฉีดยาและแพทย์ที่สามารถฉีดยาได้มีจำกัด แต่ผู้เชี่ยวชาญจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างจริงจัง จากการศึกษาผู้ป่วยโรคหนองในชาวอเมริกัน 6,000 คนเมื่อไม่นานนี้ พบว่าเชื้อดื้อยาเซฟิกซิมและเซฟไตรแอกโซนมีแนวโน้มดื้อยาเพิ่มมากขึ้น โดยจำนวนสายพันธุ์ของ N. gonorrhoeae ที่ดื้อยาเซฟิกซิมเพิ่มขึ้นจาก 0.1 เปอร์เซ็นต์เป็น 1.5 เปอร์เซ็นต์ระหว่างปี 2549 ถึง 2554 และดื้อยาเซฟไตรแอกโซนเพิ่มขึ้นจาก 0 เปอร์เซ็นต์เป็น 0.4 เปอร์เซ็นต์

คำแนะนำของ CDC ยังเรียกร้องให้บริษัทเภสัชกรรมเร่งค้นหายาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพตัวใหม่ ภายในปี 2020 ควรมีการคิดค้นยาปฏิชีวนะตัวใหม่อย่างน้อย 10 ชนิด ผู้เชี่ยวชาญยังเรียกร้องให้ประชาชนรับผิดชอบต่อสุขภาพของตนเองมากขึ้น ลดจำนวนคู่นอน และใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ

[ 1 ], [ 2 ], [ 3 ], [ 4 ]