อาการแพ้ Wi-Fi มีรายงานเพิ่มมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา

แพทย์ชาวอเมริกันได้บันทึกโรคใหม่ นั่นก็คือ อาการแพ้ Wi-Fi เครือข่ายไร้สาย รวมถึง Wi-Fi เหมือนกับสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้แบบเดิมๆ (สัตว์เลี้ยง เกสรดอกไม้ ฝุ่นในบ้าน) ทำให้เกิดอาการแพ้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น อ่อนเพลียทั่วไป น้ำมูกไหล ปวดหัวเป็นพักๆ ไปจนถึงตาบอดบางส่วน และปวดข้อ

ในขณะนี้แพทย์ไม่สามารถระบุและรักษา "โรค" นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาวิจัยขนาดใหญ่เกี่ยวกับผลกระทบของเครือข่ายไร้สาย (Wi-Fi) ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก Wi-Fi ก็พบวิธีแก้ไขปัญหานี้ โดยพวกเขาย้ายไปอยู่ที่กรีนแบงก์ ซึ่งเป็นเมืองเดียวในอเมริกาที่ไม่มีเครือข่ายไร้สาย เหตุผลที่ไม่มี Wi-Fi ในเมืองก็คือที่ตั้งใกล้กับเมืองที่มีกล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจำเป็นต้องไม่มีเครือข่ายไร้สาย จนถึงปัจจุบัน มีผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก Wi-Fi จำนวน 143 คนได้ย้ายไปที่กรีนแบงก์แล้ว หลังจากเปลี่ยนสถานที่อยู่อาศัย พวกเขาสังเกตเห็นว่าสุขภาพของพวกเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

โปรดทราบว่า "การแพร่ระบาดของ Wi-Fi" ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังมีกรณีลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นในหลายประเทศในสหภาพยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักรด้วย

เมื่อไม่นานมานี้ มีบทความทางวิทยาศาสตร์ตีพิมพ์ออกมาแล้วประมาณ 20,000 บทความเกี่ยวกับการวิจัยผลกระทบของ Wi-Fi ต่อร่างกาย บทความทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า Wi-Fi ส่งผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์ โดยทำให้เกิดอาการไมเกรน ปวดข้อ สูญเสียความจำ สมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์

ในเรื่องนี้ หลายประเทศในยุโรปเริ่มทยอยเลิกใช้ Wi-Fi ในโรงเรียนและโรงพยาบาลแล้ว และแม้ว่า WHO จะยังไม่ได้รับรองอย่างเป็นทางการว่า Wi-Fi เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ แต่ควรทราบไว้ว่าเทคโนโลยีไม่ได้ทำให้ชีวิตของมนุษย์ง่ายขึ้นเสมอไป

[ 1 ]