ยาปฏิชีวนะกำลังหมดประสิทธิภาพและทำให้ชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยง

ยาปฏิชีวนะเริ่มมีประสิทธิภาพลดลง ดังนั้นผู้คนอาจตกเป็นเหยื่อของยาแผนปัจจุบันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการใช้โดยไม่ได้ควบคุมอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้

Dame Sally Davies หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า ผู้ป่วยควรลดการใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาอาการหวัดเล็กน้อย เช่น เจ็บคอ ปวดหู ไอ และไซนัสอักเสบ

การใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปทำให้แบคทีเรียดื้อยาเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าร่างกายมนุษย์เริ่มต่อต้านการทำงานของยาปฏิชีวนะ ซึ่งอาจส่งผลให้ขั้นตอนทางการแพทย์ทั่วไปกลายเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

“ยาปฏิชีวนะกำลังสูญเสียประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้น่าเป็นห่วงมาก แต่ก็ไม่สามารถย้อนกลับได้ สถานการณ์นี้เทียบได้กับภาวะโลกร้อนที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้” เลดี้ เดวิสกล่าว สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีกเมื่อยาปฏิชีวนะชนิดใหม่แทบจะไม่มีเหลืออยู่เลย

สำนักงานปกป้องสุขภาพกล่าวในแถลงการณ์ว่า หากการใช้ยาปฏิชีวนะไม่ได้รับการควบคุม สถานการณ์อาจรุนแรงถึงขั้นมีคนเสียชีวิตจากการผ่าตัดหัวใจ

ดร. แมคนัลตี้ นักจุลชีววิทยาจากสำนักงานปกป้องสุขภาพ ระบุว่า จากการศึกษากับผู้คน 1,770 คน พบว่าในช่วงเวลา 1 ปี มีผู้ป่วย 26% ที่ขอให้แพทย์สั่งยาปฏิชีวนะให้ และ 85% ของผู้ป่วยเหล่านั้นได้รับใบสั่งยา และ 32% เคยใช้ยาปฏิชีวนะในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

McNulty กล่าวว่าแพทย์ควรลดการจ่ายยาปฏิชีวนะลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ป่วยไม่มีเหตุผลที่สมเหตุสมผลในการใช้ยาปฏิชีวนะ แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ป่วยควรหยุดกดดันแพทย์ให้ออกใบสั่งยา และควรหายเร็วขึ้นด้วยยาปฏิชีวนะ

แพทย์สังเกตว่ายิ่งผู้ป่วยใช้ยาปฏิชีวนะมากขึ้นและใช้บ่อยขึ้นเท่าไร การติดเชื้อครั้งต่อไปก็จะยิ่งดื้อยามากขึ้นเท่านั้น และต่อสู้กับการติดเชื้อได้ยากขึ้นเท่านั้น

นักวิทยาศาสตร์มีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับความต้านทานของเชื้อ Escherichia coli ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปอดบวม

[ 1 ], [ 2 ], [ 3 ], [ 4 ]