พบความเชื่อมโยงระหว่างการใช้บุหรี่ไฟฟ้าและการเกิดโรคหอบหืดในระยะเริ่มต้นในผู้ใหญ่

นักวิจัยจาก UTHealth Houston รายงานถึงความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างการใช้บุหรี่ไฟฟ้าและการเกิดโรคหอบหืดในวัยที่เร็วขึ้นในผู้ใหญ่ชาวสหรัฐอเมริกา โดยผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสารJAMA Network Open

การศึกษาซึ่งนำโดย Adriana Perez, PhD, MSc ผู้เขียนหลักซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านสถิติชีวภาพและวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่ UTHealth Houston School of Public Health พบว่าผู้ใหญ่ที่ไม่มีโรคหอบหืดเมื่อเริ่มต้นการศึกษาและรายงานว่าใช้บุหรี่ไฟฟ้าในช่วง 30 วันที่ผ่านมา มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 252% ที่จะเป็นโรคหอบหืดในภายหลัง

“แม้ว่าการศึกษาครั้งก่อนๆ จะรายงานว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหอบหืดแต่การศึกษาของเราเป็นการศึกษาแรกที่ตรวจสอบอายุของการเกิดโรคหอบหืด” Perez ซึ่งทำงานที่ Michael and Susan Dell Center for Healthy Living ที่ School of Public Health กล่าว “การวัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเกิดโรคหอบหืดในวัยที่เร็วขึ้นอันเนื่องมาจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในช่วง 30 วันที่ผ่านมาอาจช่วยให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการใช้หรือกระตุ้นให้เลิกบุหรี่ได้”

ทีมวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลรองจากการศึกษาการประเมินสุขภาพและยาสูบ ซึ่งเป็นการศึกษาในระยะยาวระดับชาติเกี่ยวกับการใช้ยาสูบและผลกระทบต่อสุขภาพในหมู่ผู้ใหญ่และเยาวชนในสหรัฐอเมริกา

“ผลการศึกษาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการวิจัยเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าต่อเยาวชนและความเชื่อมโยงกับโรคหอบหืดระยะเริ่มต้นและโรคทางเดินหายใจอื่นๆ” เปเรซกล่าว

“นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขหลักเกณฑ์การคัดกรองให้ครอบคลุมถึงการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การตรวจพบและรักษาโรคหอบหืดได้เร็วขึ้น ช่วยลดการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้”

เปเรซตั้งข้อสังเกตว่าการศึกษานี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาโรคหอบหืด ซึ่งส่งผลให้โลกสูญเสียเงิน 300,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีจากการสูญเสียเวลาเรียนหรือทำงาน การเสียชีวิต และค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ ตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ผู้เขียนระบุว่าจำเป็นต้องมีการควบคุมยาสูบ แคมเปญป้องกันและการแทรกแซง และโปรแกรมเลิกบุหรี่ เพื่อป้องกันหอบหืดที่เริ่มมีอาการก่อนวัยอันควรจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า