การรับประทานอาหารตอนกลางคืนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

มีคนเพียงไม่กี่คนที่ไม่เคยไปหยิบของในตู้เย็นตอนกลางคืน สำหรับบางคน เป็นเพราะรู้สึกว่างเปล่าในท้องตลอดเวลา บางคนก็อดไม่ได้ที่จะรอจนถึงเช้าเพื่อกินเค้กที่ตนชื่นชอบ หากสิ่งนี้เกิดขึ้นในชีวิตของคุณเพียงครั้งคราว ก็ไม่น่ากลัว แต่จะร้ายแรงกว่ามากหาก "การหยิบของ" ดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

การรับประทานอาหารตอนกลางคืนเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจที่ซับซ้อน เช่นกล้ามเนื้อหัวใจตายตามผลการศึกษาใหม่

แพทย์ได้ศึกษาวิจัยเรื่องการรับประทานอาหารกลางคืนมานานแล้ว เมื่อไม่นานมานี้มีคำศัพท์ใหม่ปรากฏขึ้น นั่นคือ “อาการอยากอาหารตอนกลางคืน”

ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าการกินขนมหวานในเวลากลางคืนสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ และสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมย้อนกลับไปยังบรรพบุรุษที่อยู่ห่างไกลได้

ในสมัยโบราณ มนุษย์ต้องพึ่งพาธรรมชาติและปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ดังนั้น ก่อนเข้านอน ทุกคนจึงเลือกที่จะรับประทานอาหารดีๆ สักมื้อ เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเมื่อใดจึงจะได้รับประทานอาหาร "จนอิ่ม" อาหารมื้อใหญ่จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์

ปัจจุบันผู้คนใช้ชีวิตแบบอยู่ประจำที่เป็นหลัก ซึ่งมาพร้อมกับอาหารมากมายและมีแนวโน้มที่จะกินมากเกินไป ดังนั้น มื้ออาหารพิเศษในตอนกลางคืนจึงอาจเป็นเรื่องตลกร้ายที่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของระบบเผาผลาญและหลอดเลือดหัวใจ

ร่างกายของมนุษย์มีนาฬิกาภายในของตัวเองที่ปรับให้เข้ากับวงจรกลางวันและกลางคืนตามธรรมชาติ ร่างกายแต่ละส่วนได้รับการกำหนดเวลาในการรับประทานอาหาร พักผ่อนตอนกลางคืน และทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเหมาะสม

หากสมองละเลยนาฬิกาภายใน สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนๆ นั้นก็จะตกอยู่ในความเสี่ยง

นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วทางวิทยาศาสตร์ว่า การรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลตามจังหวะการทำงานของร่างกาย อาจทำให้มีน้ำหนักเกินได้

ผู้เชี่ยวชาญสามารถพิสูจน์อะไรได้บ้างในการศึกษาวิจัยใหม่นี้?

ดร. รุด บุยส์ และเพื่อนร่วมงานของเขาเชื่อว่าการรับประทานอาหารในตอนกลางคืนจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและกล้ามเนื้อหัวใจตาย ดร. บุยส์กล่าวว่าการ "ย้อนกลับ" ของจังหวะชีวภาพสามารถเพิ่มระดับของไขมันและไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดได้ รวมถึงเปลี่ยนแปลงการเผาผลาญกลูโคสด้วย

แพทย์และกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองกับสัตว์ฟันแทะ โดยติดตามผลกระทบของจังหวะชีวภาพต่อระดับไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือด

พบว่าเมื่อให้อาหารในเวลากลางคืน ระดับไตรกลีเซอไรด์จะสูงเกินค่าปกติอย่างเห็นได้ชัด ในสัตว์ฟันแทะที่ได้รับอาหารเพียงพอ - ในระหว่างวัน - ระดับไตรกลีเซอไรด์จะอยู่ในเกณฑ์ปกติ จากนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงตัดเอาส่วนของสมองที่ทำหน้าที่ควบคุมจังหวะชีวภาพของสัตว์ฟันแทะออกไป หลังจากตัดออกไปแล้ว ปริมาณไตรกลีเซอไรด์จะไม่ขึ้นอยู่กับเวลาของวันอีกต่อไป นาฬิกาชีวภาพ "หยุดทำงาน"

ผู้เชี่ยวชาญสรุปว่าการรับประทานอาหารในตอนกลางคืนจะรบกวนจังหวะการทำงานของร่างกายอย่างมาก ร่างกายจะรับรู้สิ่งนี้ในเชิงลบอย่างมากและนำไปสู่ความผิดปกติของระบบเผาผลาญที่รุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น

รายละเอียดสามารถพบได้ในหน้า Experimental Physiology

[ 1 ], [ 2 ]