ความจำของมนุษย์ปรับตัวเข้ากับอินเทอร์เน็ต

ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกาได้ค้นพบว่าผู้คนใช้อินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์เป็นหน่วยความจำของตนเอง การศึกษาครั้งนี้ดำเนินการโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่นำโดยเบ็ตซี สแปร์โรว์ จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

การศึกษาประกอบด้วยชุดการทดลองหลายชุดที่มีอาสาสมัครเข้าร่วม ในการทดลองครั้งแรก ผู้เข้าร่วมจะถูกถามคำถามเกี่ยวกับความรู้ทั่วไป หลังจากนั้น ผู้เข้าร่วมจะถูกขอให้ปรับเปลี่ยนแบบทดสอบ Stroop* นักวิทยาศาสตร์แสดงคำต่างๆ ที่พิมพ์ด้วยตัวอักษรสีแดงหรือสีน้ำเงินให้ผู้เข้าร่วมการทดลองดู และวัดเวลาที่ใช้ในการตั้งชื่อสีของตัวอักษร

จากการทดลองพบว่าอาสาสมัครใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อยในการตั้งชื่อสีของคำที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต (ชื่อของเครื่องมือค้นหา) เวลาตอบสนองที่เพิ่มขึ้นต่อคำดังกล่าวบ่งชี้โดยอ้อมว่าผู้เข้าร่วมกำลังนึกถึง "เครื่องมือค้นหา" เมื่อเขามีปัญหาในการตั้งชื่อสีระหว่างการทดสอบความรู้

ในการทดลองอื่น ผู้ทดลองถูกขอให้อ่านและพิมพ์วลีต่างๆ ผู้เข้าร่วมครึ่งหนึ่งถูกบอกว่าไฟล์ที่มีข้อความที่พิมพ์จะถูกบันทึกไว้ในโฟลเดอร์เฉพาะ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งถูกบอกว่าข้อมูลจะถูกลบทิ้ง หลังจากนั้น ผู้ทดลองถูกขอให้ทำการทดสอบความจำ นักวิจัยพบว่าในกลุ่มแรก ผู้ทดลองไม่ได้จำข้อมูลที่นำเสนอในรูปแบบของวลี แต่จำตำแหน่งที่จัดเก็บในฮาร์ดไดรฟ์ของคอมพิวเตอร์ ผู้เข้าร่วมในกลุ่มที่สองจำวลีได้ดีกว่า

นักวิจัยเชื่อว่าด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ความสามารถของมนุษย์ในการจดจำข้อมูลจะไม่แย่ลง ตามที่เธอกล่าว ความจำจะเปลี่ยนไปโดยปรับตัวให้เข้ากับปริมาณข้อมูลที่มีอยู่ที่เพิ่มขึ้น

*การทดสอบนี้ใช้หลักความแตกต่างในการรับรู้สีทางสายตาและตรรกะ (เปรียบเทียบสีจริงกับชื่อ) เพื่อศึกษากระบวนการทางวาจา

[ 1 ]