ยาต้านมะเร็งสามารถช่วยต่อสู้กับไข้หวัดใหญ่ได้

ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก โรคไข้หวัดใหญ่ชนิดรุนแรงคร่าชีวิตผู้คนไประหว่าง 3 ถึง 5 ล้านคนทุกปี โดย 500,000 รายเสียชีวิตจากการติดเชื้อหรือจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรค

นักวิจัยจากสถาบันการแพทย์โมเลกุลแห่งฟินแลนด์ (FIMM) และทีมนักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งได้พัฒนาวิธีการคัดกรองแบบใหม่ที่สามารถใช้ในการพัฒนายารักษาโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดใหม่ได้ ผลการวิจัยของพวกเขาปรากฏอยู่ในวารสารออนไลน์ Biological Chemistry

นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุวิธีการใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคไข้หวัดใหญ่ได้ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ยา obatoclax และ gemcitabine ซึ่งใช้ในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง รวมถึง saliphenylhalamide สามารถช่วยปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อไวรัสได้

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าไม่ควรประเมินอันตรายจากโรคไข้หวัดใหญ่ต่ำเกินไป เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสที่ไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

มีการพัฒนายาหลายชนิดเพื่อรักษาไวรัสไข้หวัดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ไวรัสไข้หวัดใหญ่มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อไวรัส แต่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเรา นั่นคือความสามารถในการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว

ไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการกลายพันธุ์แบบสุ่ม ดังนั้นโปรตีนเฮแมกกลูตินิน (HA) และนิวรามินิเดส (NA) จึงต้องอัปเดตอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ยาต้านไวรัสจึงหยุดทำงานไปเฉยๆ เพราะส่วนประกอบของยาได้รับการ "ฝึก" ให้เข้ากับสายพันธุ์เก่า จึงทำให้จดจำสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ได้แย่กว่าสายพันธุ์ที่ไม่กลายพันธุ์

หลังจากนั้นสักระยะ ไวรัสสายพันธุ์กลายพันธุ์จะเข้ามาแทนที่ไวรัสสายพันธุ์ที่ไม่กลายพันธุ์ ซึ่งจะค่อยๆ ตายไปในที่สุด ปรากฏว่ายาส่วนใหญ่ต่อสู้กับไข้หวัดใหญ่แบบเป็นวัฏจักร และการต่อสู้ระหว่างไวรัสกับยาจะดำเนินต่อไปอีกหลายทศวรรษ

นักวิทยาศาสตร์ชาวฟินแลนด์เชื่อว่าผลการศึกษาเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนายาในอนาคต

“ยาเหล่านี้ทั้งหมด (โอบาโตคแล็กซ์ เจมไซตาบีน และซาลิฟีนิลฮาลาไมด์) เป็นยาต้านมะเร็ง โดยทำลายเซลล์มะเร็งและป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องใช้ยาเหล่านี้ในปริมาณเล็กน้อยเพื่อให้เกิดผลต้านไวรัส” เดนิส ไคนอฟ ผู้เขียนร่วมในการศึกษากล่าว “จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาเหล่านี้ในการรักษาการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่”

งานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์เป็นตัวอย่างว่าคุณสมบัติของยาที่ทราบกันอยู่แล้วในทางการแพทย์อาจไม่ได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยศักยภาพของยาได้อย่างเต็มที่ ยาที่ใช้รักษาโรคบางชนิดอาจมีประโยชน์ในการต่อสู้กับอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ได้ด้วย

นักวิทยาศาสตร์สรุปว่าเภสัชกรไม่เพียงแต่ควรพัฒนายารักษาโรคใหม่ๆ เท่านั้น แต่ควรศึกษายาที่มีอยู่แล้วด้วย

[ 1 ], [ 2 ], [ 3 ], [ 4 ], [ 5 ], [ 6 ], [ 7 ], [ 8 ]