สีแดงปลุกจินตนาการอันไม่สุภาพของผู้ชาย

ชุดสีแดงของผู้หญิงทำให้ผู้ชายรู้สึกดึงดูดใจเช่นเดียวกับลิงหลายๆ ตัวเมื่อเห็นผิวหนังสีแดงของตัวเมียที่พร้อมจะสืบพันธุ์

สีแดงเป็นสีที่ทำให้เสียสมาธิและเชื่อกันว่าสามารถปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศในตัวผู้ชายได้ สีแดงมักเกี่ยวข้องกับประสบการณ์โรแมนติกต่างๆ ตั้งแต่ความหลงใหลอันอ่อนโยน (รูปหัวใจสีแดงบนการ์ดวันวาเลนไทน์) ไปจนถึงความรักที่เร่าร้อนและอันตราย (ชุดรัดรูปสีแดงของผู้หญิง) แต่ถึงแม้ว่าเราจะไม่คำนึงถึงการใช้สีแดงในภาพยนตร์และสื่อสมัยใหม่อื่นๆ ในฉากที่มีนัยทางเพศ เราก็สามารถพูดได้ว่าผู้หญิงรู้จักคุณสมบัติของสีแดงนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว

เชื่อกันว่าผู้หญิงมักจะหน้าแดงและทาปากสีแดงกันมาเป็นเวลา 12,000 ปีแล้ว ตามที่ Adam Pazda นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ (สหรัฐอเมริกา) กล่าวไว้ สัญลักษณ์ของสีแดงมีความหมายตามวิวัฒนาการ กล่าวคือ ในไพรเมตตัวเมียในช่วงฤดูผสมพันธุ์ เอสโตรเจนจะขยายหลอดเลือดและกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต เลือดจะไหลไปที่ผิวหนังบนใบหน้า และตัวผู้เข้าใจว่าถึงเวลาต้องลงมือทำแล้ว

เพื่อทดสอบสมมติฐานนี้ในทางปฏิบัติ นักวิจัยได้ทำการทดลองง่ายๆ โดยให้ผู้ชาย 25 คนดูรูปถ่ายของหญิงสาวคนเดียวกันซึ่งสวมชุดสีขาวหรือสีแดง ใบหน้าของเธอดูไม่ชัดเจนเนื่องจากการปรับแต่งภาพ ผู้ทดลองถูกขอให้ประเมินว่าหญิงสาวคนดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะมีความสัมพันธ์แบบโรแมนติกมากเพียงใด

ตามที่คาดไว้ สีแดงกระตุ้นให้ผู้ชายมีความคาดหวังที่สูงขึ้น ความพร้อมในการมีเพศสัมพันธ์ของหญิงสาวที่สวมชุดสีแดงมีคะแนนสูงกว่าหญิงสาวที่สวมชุดสีขาว 1–1.5 คะแนน นักจิตวิทยาได้อธิบายผลการทดลองนี้ในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Experimental Social Psychology ผู้เขียนเน้นย้ำว่ารูปแบบของชุดไม่ได้มีบทบาทใดๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดที่รัดรูปหรือหลวมๆ เสื้อหรือเสื้อยืด แต่สีแดงทำให้รู้สึกเร้าใจมากกว่าสีอื่นๆ

โดยทั่วไปแล้ว ความดึงดูดทางเพศของสีแดงได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์อย่างเข้มงวดแล้ว อย่างไรก็ตาม น่าสนใจที่จะรู้ว่าผู้หญิงเองมีปฏิกิริยาอย่างไรกับสีแดง ด้วยเหตุผลบางประการ ดูเหมือนว่าสำหรับพวกเขาแล้ว สีแดงไม่ได้มีความหมายทางเพศเหมือนกัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เมื่อผู้ชายเห็นชุดสีแดง พวกเขาต้องตระหนักว่าในขณะนี้ บรรพบุรุษของไพรเมตที่อยู่ห่างไกลได้ตื่นขึ้นในตัวพวกเขา ซึ่งตอบสนองต่อใบหน้าแดงๆ ของตัวเมียที่พร้อมจะสืบพันธุ์ แม้ว่านักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ จะตระหนักถึงความสำคัญของผลลัพธ์ที่ได้ แต่ก็ยังสงสัยในเหตุผลโดยสัญชาตญาณล้วนๆ ของปฏิกิริยาดังกล่าว เพื่อที่จะตัดชั้นวัฒนธรรมเก่าแก่หลายศตวรรษทั้งหมดออกไป ตามที่ผู้คลางแคลงใจกล่าว ก็ไม่เสียหายที่จะทำการทดลองซ้ำกับผู้คนจากวัฒนธรรมอื่นที่ไม่ใช่ยุโรปและควรได้รับผลกระทบจากอารยธรรมน้อยที่สุด