สหรัฐอเมริกาอาจเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงสังเคราะห์

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันสรุปว่าสหรัฐอเมริกาสามารถเปลี่ยนมาผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์และหยุดนำเข้าน้ำมันดิบได้

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าในอีก 30-40 ปีข้างหน้า เชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และชีวมวล จะมีความคุ้มทุน

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า นอกเหนือจากความจริงที่ว่าสหรัฐอเมริกาจะสามารถลดการพึ่งพาน้ำมันดิบนำเข้าของเศรษฐกิจได้โดยหันมาผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์แล้ว ยังจะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกโดยเฉพาะคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้อย่างมากอีกด้วย

“อีกแง่มุมที่สำคัญของการปฏิเสธเชื้อเพลิงแร่ก็คือ เชื้อเพลิงสังเคราะห์นั้นแทบจะเหมือนกับเชื้อเพลิงที่ได้จากการกลั่นน้ำมันทุกประการ และใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซินแบบคลาสสิก และน้ำมันก๊าดสำหรับการบิน” Christodoulos Floudas หัวหน้าคณะผู้จัดทำผลการศึกษานี้และศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันกล่าว

ผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์โมเดลการเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงสังเคราะห์หลายแบบ โดยคำนึงถึงว่าการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้คุ้มค่าทางเศรษฐกิจเพียงใด และเป็นไปได้หรือไม่ที่จะสังเคราะห์เชื้อเพลิงในปริมาณที่เพียงพอเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงครึ่งหนึ่ง จากผลการวิจัยดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์ได้ข้อสรุปว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้และการผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์อย่างสมบูรณ์จะต้องใช้เวลาและการลงทุนเป็นจำนวนมาก ตามที่นักวิทยาศาสตร์ระบุ ปริมาณการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์

กระบวนการผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์ได้รับการคิดค้นขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1920 ของศตวรรษที่แล้ว อย่างไรก็ตาม กระบวนการดังกล่าวไม่ได้รับความนิยมเนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูง นักวิทยาศาสตร์จึงตัดสินใจเรียกคืนวิธีการดังกล่าวเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับศตวรรษที่แล้ว

นักวิจัยกล่าวว่าข้อเสนอของพวกเขาอาจดูเพ้อฝันและอาจถูกมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ยังคุ้มค่าที่จะพิจารณา เพราะอาจช่วยให้ผู้ผลิตในอเมริกาหลีกเลี่ยงราคาน้ำมันที่สูงได้หากสิ่งนั้นเกิดขึ้น

ราคาเฉลี่ยของเชื้อเพลิงสังเคราะห์หนึ่งบาร์เรลจะอยู่ที่ประมาณ 96 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับต้นทุนน้ำมันในปัจจุบัน

ผู้เขียนผลงานได้ข้อสรุปว่าเพื่อให้ตอบสนองความต้องการน้ำมันหล่อลื่นและเชื้อเพลิงของสหรัฐฯ ได้อย่างเต็มที่ จำเป็นต้องสร้างโรงงาน 130 แห่งที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์ โรงงานเหล่านี้ควรตั้งอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบมากที่สุด ตามแบบจำลองที่นักวิทยาศาสตร์พัฒนาขึ้น โรงงานจำนวนมากที่สุดควรตั้งอยู่ในเท็กซัส แต่ผลผลิตของโรงงานเหล่านี้จะอยู่ในระดับปานกลางเนื่องจากลักษณะเฉพาะของการผลิตทางการเกษตร

เพื่อดำเนินการตามแผนของนักวิทยาศาสตร์ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากรัฐ