สารปรุงแต่งรสสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้

ผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษเตือนถึงสารก่อมะเร็งอันตรายอีกชนิดหนึ่งที่อาจทำให้เซลล์ผิดปกติเติบโตได้ จากการศึกษาเมื่อไม่นานนี้พบว่าผลิตภัณฑ์ปรับอากาศและเทียนหอมซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์ได้ สารที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ (ซึ่งเป็นตัวให้กลิ่นหอม) เมื่อทำปฏิกิริยากับอากาศจะเปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็งอันตรายอย่างฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งอันตรายดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว

กลุ่มวิจัยของศาสตราจารย์ Alistair Lewis ระบุว่า ลิโมนีนซึ่งเป็นสารแต่งกลิ่นยอดนิยมที่ปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างสมบูรณ์เมื่ออยู่ในสภาวะปกติ ไม่เพียงแต่ใช้ในการผลิตสารแต่งกลิ่นรสต่างๆ เท่านั้น แต่ยังใช้เป็นสารเติมแต่งอาหารอีกด้วย นักวิทยาศาสตร์ทราบมานานแล้วว่าลิโมนีนสามารถเปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็ง ที่อันตรายได้ แต่การศึกษาเกือบทั้งหมดดำเนินการเมื่อสามทศวรรษก่อน และเมื่อไม่นานนี้เอง ต้องขอบคุณความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เราจึงสามารถได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำเกี่ยวกับผลกระทบของสารนี้ต่อสุขภาพของมนุษย์

นักวิทยาศาสตร์ได้ระบุว่าระดับสารพิษในน้ำหอมมีสูงเกินมาตรฐานหลายเท่า ตัวอย่างเช่น เทียนหอมมีลิโมนีนมากกว่าที่เคยคาดไว้ถึงร้อยเท่า นอกจากนี้ อาคารส่วนใหญ่ในปัจจุบันติดตั้งระบบปรับอากาศซึ่งขัดขวางการไหลเวียนของอากาศบริสุทธิ์และก่อให้เกิดการสะสมของสารก่อมะเร็งอันตรายในอากาศ

ศาสตราจารย์ลูอิสระบุว่า น้ำหอมเคมีถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในบ้านส่วนใหญ่ ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าการสัมผัสกับฟอร์มาลดีไฮด์เป็นเวลานานจะส่งผลต่อมนุษย์อย่างไร แต่ข้อเท็จจริงก็คือ สารนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพของมนุษย์

นอกจากจะเป็นสารก่อมะเร็ง (สารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง) แล้ว ฟอร์มาลดีไฮด์ยังเป็นสารระคายเคืองต่อเยื่อเมือกและอาจทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลได้

ผู้เชี่ยวชาญสังเกตว่าผลกระทบที่เป็นอันตรายจากสารเคมีสามารถลดลงได้ด้วยวิธีง่ายๆ นั่นก็คือ ทุกครั้งหลังใช้สารเคมี จะต้องระบายอากาศในห้อง นอกจากนี้ยังมีพืชบางชนิดที่สามารถดูดซับสารพิษต่างๆ ได้ จึงลดระดับของสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในห้องได้

ปัจจุบันโรคมะเร็งยังคงเป็นหนึ่งในโรคที่อันตรายที่สุดในโลก มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งประเภทหนึ่งหรืออีกประเภทหนึ่งหลายแสนคนทุกปี

ในสหรัฐอเมริกา กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้เสนอวิธีการใหม่ในการตรวจหาโรคนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่ายิ่งตรวจพบมะเร็งได้เร็วเท่าไร โอกาสที่ผู้ป่วยจะหายจากโรคก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ในกรณีส่วนใหญ่ การวินิจฉัยโรคมักเกิดขึ้นในขณะที่อาการเริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อโรคอยู่ในระยะที่ยาไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว

แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันยืนยันว่าภายใน 3 ปี สถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยการตรวจเลือดจะทำให้แพทย์สามารถระบุได้ว่ามีพยาธิสภาพในร่างกายหรือไม่ และจะสามารถตรวจพบมะเร็งได้แม้ว่าผู้ป่วยจะไม่มีอาการใดๆ เลยก็ตามนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าการตรวจเลือดจะช่วยให้ตรวจพบเซลล์มะเร็งในเลือดได้ จากข้อมูลบางส่วน บริษัทระดับโลกขนาดใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ Amazon และ Microsoft พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่โครงการนี้แล้ว

[ 1 ], [ 2 ]