การตรวจตาสามารถช่วยระบุบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองได้

การทดสอบสายตาแบบง่ายๆ อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการระบุผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหลอดเลือดสมอง ตามที่นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซูริก (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) กล่าว

นักวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าการทดสอบที่เรียกว่า ocular impulse amplitude (OIA) สามารถตรวจพบภาวะตีบของหลอดเลือดแดงคอโรติด (carotid artery stenosis หรือ CAS) ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นภาวะที่หลอดเลือดแดงที่ส่งเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าเกิดการอุดตัน ภาวะนี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทราบกันดีของโรคหลอดเลือดสมอง จักษุแพทย์สามารถทำ OIA ได้ระหว่างการตรวจร่างกายตามปกติ

ในแต่ละปี ชาวอเมริกันเกือบ 795,000 คนประสบกับโรคหลอดเลือดสมองครั้งแรกหรือซ้ำซาก และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้มากกว่า 137,000 คน โรคร้ายแรงนี้มักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีหลอดเลือดแดงคอตีบอย่างรุนแรง แพทย์ต้องการวินิจฉัยและรักษาโรคนี้ก่อนที่จะเกิดขึ้น แต่ CSA ไม่มีอาการใดๆ ดังนั้นจึงมักไม่ได้รับการตรวจพบ

นักวิทยาศาสตร์ชาวสวิสใช้เครื่องวัดความดันลูกตาแบบไดนามิคเพื่อทดสอบแอมพลิจูดของแรงกระตุ้นที่ลูกตาในผู้ป่วย 67 รายที่สงสัยว่าเป็นโรค CSA คำนวณ AGI ได้โดยการตรวจจับความแตกต่างระหว่างระดับความดันสองระดับภายในลูกตาในระหว่างสองช่วงของการเต้นของหัวใจ ได้แก่ ซิสโตลิกและไดแอสโตลิก เมื่อการไหลเวียนของเลือดไปยังลูกตาถูกปิดกั้นเนื่องจากหลอดเลือดแดงตีบ ความแตกต่างระหว่างระดับความดันทั้งสองระดับจะน้อย ดังนั้น AGI จึงต่ำ การศึกษายืนยันว่าผู้ป่วยที่มี AGI ต่ำที่สุดยังมีหลอดเลือดแดงคอโรติดที่ถูกปิดกั้นมากที่สุดอีกด้วย เพื่อตรวจสอบหลอดเลือดแดง ผู้เข้ารับการทดสอบได้รับการตรวจอัลตราซาวนด์

การทดสอบที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การถ่ายภาพหลอดเลือดด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและอัลตราซาวนด์สีดูเพล็กซ์ ก็สามารถตรวจจับการตีบแคบของหลอดเลือดได้เช่นกัน แต่มีราคาแพงและยังไม่มีจำหน่ายทั่วไป การทดสอบเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้ในการวินิจฉัย CSA ในผู้ป่วยที่มีอาการโรคหลอดเลือดสมองอยู่แล้ว สำหรับ AGI สามารถทำได้ระหว่างการตรวจตาตามปกติ หากจักษุแพทย์ใช้เครื่องวัดความดันลูกตาแบบไดนามิกเพื่อคัดกรองต้อหินอยู่แล้ว

[ 1 ], [ 2 ], [ 3 ], [ 4 ], [ 5 ]